เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นตรี วิชาวินัยบัญญัติ ปีพ.ศ.2568

|
เก็งข้อสอบธรรมสนามหลวง นักธรรมชั้นตรี วิชาวินัยบัญญัติ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๘ มีทั้งหมด ๒๕ ข้อ ดังนี้ |
|
|---|---|
| ๑. | พระวินัย คืออะไร ? ภิกษุรักษาพระวินัยดีแล้วย่อมได้อานิสงส์อะไร ? |
|---|---|
| ต/ |
พระวินัย คือ พระพุทธบัญญัติและอภิสมาจาร ฯ ได้อานิสงส์ คือไม่ต้องเดือดร้อนใจ เกิดความแช่มชื่นว่า ตนประพฤติดีงาม จะเข้าหมู่ภิกษุ ผู้มีศีลก็องอาจไม่สะทกสะท้าน ฯ |
| ๒. | นิสสัย ๔ ในอนุศาสน์ ๘ อย่าง หมายถึงอะไร ? มีอะไรบ้าง ? |
| ต/ |
นิสสัย ๔ หมายถึง ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต ฯ มี ๔ อย่าง ได้แก่ ๑) เที่ยวบิณฑบาต ๒) นุ่งห่มผ้าบังสกุล ๓) อยู่โคนไม้ ๔) ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ฯ |
| ๓. | กิจที่บรรพชิตไม่ควรทํา เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
| ต/ |
กิจที่บรรพชิตไม่ควรทำ เรียกว่า อกรณียกิจ ฯ มี ๔ อย่าง ฯ คือ ๑. เสพเมถุน ๒. ลักของเขา ๓. ฆ่าสัตว์ ๔. พูดอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน ฯ |
| ๔. | ภิกษุปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญาดีแล้ว จะได้รับประโยชน์อย่างไร ? |
| ต/ |
ย่อมได้รับประโยชน์ คือ ปฏิบัติศีล ทำให้เป็นผู้มีกายวาจาเรียบร้อย ปฏิบัติสมาธิ ทำให้ใจสงบมั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน ปฏิบัติปัญญา ทำให้รอบรู้ในกองสังขาร ฯ |
| ๕. | สิกขา และ สิกขาบท ได้แก่อะไร ? |
| ต/ |
สิกขา ได้แก่ ข้อที่ควรศึกษา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา สิกขาบท ได้แก่ พระบัญญัติข้อหนึ่ง ๆ ฯ |
| ๖. | อาบัติว่าโดยชื่อมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
| ต/ |
อาบัติว่าโดยชื่อมี ๗ อย่าง ฯ คือ ๑) ปาราชิก ๒) สังฆาทิเสส ๓) ถุลลัจจัย ๔) ปาจิตตีย์ ๕) ปาฏิเทสนียะ ๖) ทุกกฏ ๗) ทุพภาสิต ฯ |
| ๗. | ภิกษุทำคนอื่นให้ถึงแก่ความตาย ต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ? |
| ต/ | ถ้าไม่จงใจ ไม่ต้องอาบัติ แต่ถ้าจงใจทำให้ถึงแก่ความตาย ต้องอาบัติปาราชิก ฯ |
| ๘. | ปาราชิก ๔ สิกขาบทไหนที่ภิกษุใช้ให้คนอื่น ทำก็ต้องอาบัติถึงที่สุด ? |
| ต/ | สิกขาบทที่ ๒ และสิกขาบทที่ ๓ ฯ |
| ๙. | พูดอย่างไรเรียกว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ? |
| ต/ | พูดอวดคุณพิเศษอันยิ่งของมนุษย์ เช่น พูดว่าได้ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล นิพพาน เรียกว่า พูดอวดอุตตริมนุสสธรรม ฯ |
| ๑๐. | ภิกษุมีความกำหนัด จับต้องกายมนุษย์ต้อง อาบัติอะไร ? |
| ต/ |
จับต้องกายมนุษย์ที่เป็นหญิง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส จับต้องกายมนุษย์ที่เป็นบัณเฑาะก์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย จับต้องกายมนุษย์ที่เป็นชาย ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ |
| ๑๑. | คำว่า อาบัติที่ไม่มีมูล กำหนดโดยอาการอย่างไร ? ภิกษุโจทก์ภิกษุด้วยอาบัติไม่มีมูล ต้องอาบัติอะไร ? |
| ต/ |
กำหนดโดยอาการ ๓ คือ ๑) ไม่ได้เห็นเอง ๒) ไม่ได้ยินเอง ๓) ไม่ได้เกิดรังเกียจสงสัยว่าภิกษุนั้นต้องอาบัติชื่อนั้น ฯ โจทก์ด้วยอาบัติปาราชิก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ฯ โจทก์ด้วยอาบัติอื่นนอกจากอาบัติปาราชิก ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
| ๑๒. | ไตรจีวร มีอะไรบ้าง ? ภิกษุอยู่ปราศจากแม้คืนหนึ่งต้องอาบัติอะไร ? |
| ต/ |
มี สังฆาฏิ คือผ้าคลุม อุตตราสงค์ คือผ้าห่มและอันตรวาสก คือผ้านุ่ง ฯ อยู่ปราศจากแม้คืนหนึ่งต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ฯ |
| ๑๓. | จีวร ผ้านิสีทนะ อังสะ ผ้าเช็ดหน้า ย่ามผ้า เมื่อจะใช้สอย อย่างไหนควรพินทุ อย่างไหนไม่ควร ? เพราะเหตุใด ? |
| ต/ |
จีวรและอังสะ ควรพินทุ เพราะใช้ห่ม ผ้านิสีทนะ ผ้าเช็ดหน้า และย่ามผ้า ไม่ต้องพินทุ เพราะไม่ได้ใช้นุ่งห่ม ฯ |
| ๑๔. | ภิกษุต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ หรืออาบัติปาจิตตีย์ มีวิธีแสดงอาบัติต่างกันอย่างไร ? |
| ต/ |
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ต้องเสียสละวัตถุอันเป็นเหตุให้ต้องอาบัตินั้นเสียก่อนจึงแสดงอาบัติได้ อาบัติปาจิตตีย์นั้น ภิกษุพึงแสดงอาบัติได้เลย ไม่มีวัตถุใดๆ ที่ต้องสละ ฯ |
| ๑๕. | ภิกษุรู้อยู่ น้อมลาภที่เขาจะถวายสงฆ์มาเพื่อตนต้องอาบัติอะไร ? ลาภนั้น ได้แก่อะไรบ้าง ? |
| ต/ |
ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ฯ ลาภ ได้แก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชซึ่ง เรียกว่า ปัจจัย ๔ และของที่เป็นกัปปิยะอย่างอื่น ฯ |
| ๑๖. | พูดอย่างไร ชื่อว่าส่อเสียดภิกษุ ? ภิกษุพูดอย่างนั้นต้องอาบัติอะไร ? |
| ต/ |
เก็บความข้างนี้ไปบอกข้างโน้น เก็บความข้างโน้นมาบอกข้างนี้ ด้วยประสงค์จะให้เขารักตน หรือให้เขาแตกกัน ชื่อว่าส่อเสียดภิกษุ ฯ ภิกษุพูดต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
| ๑๗. | ภิกษุนอนในที่มุงที่บังเดียวกันกับสามเณร จะเป็นอาบัติอะไรหรือไม่ ? |
| ต/ | นอนได้ ๓ คืน ไม่เป็นอาบัติ เกินกว่านั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
| ๑๘. | ภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแก่อนุปสัมบัน เป็นอาบัติอะไรหรือไม่ ? |
| ต/ |
ถ้าได้รับสมมติไว้ ไม่เป็นอาบัติ แต่ถ้าไม่ได้รับสมมติ เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
| ๑๙. | ภิกษุนำเก้าอี้ของสงฆ์ไปใช้ที่กลางแจ้งแล้วเมื่อจะหลีกไป พึงปฏิบัติอย่างไร ? ถ้าไม่ปฏิบัติเช่นนั้น ต้องอาบัติอะไร ? |
| ต/ |
พึงปฏิบัติอย่างนี้ คือ เก็บเอง ใช้ให้ผู้อื่นเก็บ หรือมอบหมายแก่ผู้อื่น ฯ ถ้าไม่ปฏิบัติเช่นนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
| ๒๐. | ภิกษุซ่อนผ้าอาบน้ำฝน บาตร จีวร กล่องเข็ม ด้าย ของเพื่อนภิกษุหรือสามเณรเพื่อล้อเล่น เป็นอาบัติ อะไรบ้าง ? |
| ต/ |
ซ่อนผ้าอาบน้ำฝน ด้าย เป็นอาบัติทุกกฏ ซ่อนบาตร จีวร กล่องเข็ม เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ซ่อนของสามเณรทุกอย่าง เป็นอาบัติทุกกฏ ฯ |
| ๒๑. | เสขิยวัตร คืออะไร ? ภิกษุละเมิดต้องอาบัติอะไร ? |
| ต/ |
คือ วัตรที่ภิกษุจะต้องศึกษา ฯ ภิกษุล่วงละเมิดต้องอาบัติทุกกฏ ฯ |
| ๒๒. | การนุ่งเป็นปริมณฑล คือการนุ่งอย่างไร ? |
| ต/ | คือ นุ่งเบื้องบนปิดสะดือ แต่ไม่ถึงกระโจมอก เบื้องล่างปิดหัวเข่าทั้ง ๒ ลงมา เพียงครึ่งแข้ง ไม่ถึงปิดข้อเท้า ฯ |
| ๒๓. | ภิกษุฉันพลางทำกิจอื่นพลาง จะต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ? |
| ต/ | พูดทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก ต้องอาบัติทุกกฏ พูดไม่มีอาหารอยู่ในปากไม่ต้องอาบัติ ฯ |
| ๒๔. | ภิกษุเถียงกันด้วยเรื่องอะไร จึงเรียกว่า วิวาทาธิกรณ์ ? |
| ต/ | เถียงกันด้วยเรื่อง สิ่งนั้นเป็นธรรมเป็นวินัย สิ่งนี้ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่วินัย ฯ |
| ๒๕. | อธิกรณ์ คืออะไร ? เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องทำอย่างไร ? |
| ต/ |
อธิกรณ์ คือ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจะต้องจัดต้องทำ ฯ เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องระงับด้วยอธิกรณสมถะอย่างใด อย่างหนึ่งตามสมควรแก่อธิกรณ์นั้น ๆ ฯ |