เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นตรี วิชาพุทธประวัติ ปีพ.ศ. 2568

เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นตรี วิชาพุทธประวัติ ปีพ.ศ.2568, เก็งข้อสอบวิชาพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี ปี2568



⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ

เก็งข้อสอบธรรมสนามหลวง
นักธรรมชั้นตรี วิชาพุทธประวัติ
ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๘
มีทั้งหมด ๓๐ ข้อ ดังนี้

๑. พุทธประวัติ คืออะไร ?  การเรียนรู้พุทธประวัตินั้นได้ประโยชน์อย่างไร ?
ต/ พุทธประวัติ คือ เรื่องที่พรรณนาความเป็นไปของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯ
ได้ประโยชน์ คือทำให้ทราบความเป็นมาของพระพุทธเจ้า และแนวทางในการดำเนินชีวิตตามพระพุทธจริยา ฯ

๒. เรื่องพุทธประวัติ มีความสำคัญอย่างไร จึงต้องเรียนรู้ ?
ต/ มีความสำคัญ ในการศึกษาและปฏิบัติพระพุทธศาสนา เพราะแสดงพระพุทธจริยาให้ปรากฏ ฯ

๓. วรรณะทั้ง ๔ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?
ต/ มีหน้าที่ต่างกันอย่างนี้
๑. กษัตริย์ มีหน้าที่รักษาบ้านเมือง
๒. พราหมณ์ มีหน้าที่ฝึกสอนและทำพิธีกรรม
๓. แพศย์ มีหน้าที่ทำนาค้าขาย
๔. ศูทร มีหน้าที่รับจ้างใช้แรงงาน ฯ

๔. อสิตดาบส กล่าวทำนายพระมหาบุรุษไว้ว่าอย่างไร ?
ต/ กล่าวทำนายว่า มีคติเป็น ๒ คือ
ถ้าอยู่ครองฆราวาส จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ถ้าออกบวช จักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯ

๕. อสิตดาบส อาฬารดาบสและอุทกดาบส มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร ?
ต/ อสิตดาบส เป็นผู้คุ้นเคยเป็นที่เคารพนับถือของศากยสกุลในเวลาที่พระมหาบุรุษประสูติใหม่ๆ ท่านได้ไปเยี่ยม และได้พยากรณ์ทำนายพระลักษณะของพระมหาบุรุษ ว่ามีคติเป็น ๒ ก่อนคนอื่นทั้งหมด ฯ
อาฬารดาบสและอุทกดาบส เป็นผู้ที่พระองค์ได้เคยอยู่อาศัยศึกษาลัทธิของท่านทั้ง ๒ ฯ

๖. พระพุทธเจ้าเสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ และปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุเท่าไรบ้าง ?
ต/ เสด็จออกผนวช เมื่อมีพระชนมายุ ๒๙ ปี
ตรัสรู้ เมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ ปี
ปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุ ๘๐ ปี ฯ

๗. พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา ปรินิพพาน และถวายพระเพลิงในวันใด ?
ต/ ประสูติ ในวันเพ็ญเดือน ๖
ตรัสรู้ ในวันเพ็ญเดือน ๖
แสดงปฐมเทศนา ในวันเพ็ญเดือน ๘
ปรินิพพาน ในวันเพ็ญเดือน ๖
ถวายพระเพลิง ในวันอัฏฐมีแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ฯ

๘. พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมอะไร ?  มีอะไรบ้าง ?
ต/ ตรัสรู้อริยสัจ ๔ ฯ
มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ฯ

๙. พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ณ ที่ไหน ?  ผู้ที่รู้เห็นเป็นพยานในเรื่องนี้คือใคร ?
ต/ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ฯ
พยาน คือ พระปัญจวัคคีย์ ฯ

๑๐. การที่พระมหาบุรุษทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยานั้น เพราะเหตุไร ?
ต/ เพราะทรงดำริว่า ทุกรกิริยาที่ทรงบำเพ็ญนั้นจะยิ่งไปกว่านี้ไม่มี แต่ก็ไม่เป็นทางให้ตรัสรู้ได้ ส่วนการบำเพ็ญเพียรทางจิตจักเป็นทางตรัสรู้ได้กระมัง แต่คนซูบผอมเช่นนี้ไม่ สามารถทำได้ จึงทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยากลับมาเสวยพระอาหารตามปกติ ฯ

๑๑. พระพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัยว่าจะแสดงธรรมแก่ปัญจวัคคีย์ก่อน เพราะเหตุไร ?
ต/ เพราะทรงระลึกถึงอุปการคุณของปัญจวัคคีย์ ว่าได้เป็นผู้อุปัฏฐากพระองค์ เมื่อครั้งทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ฯ

๑๒. พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ใคร และเกิดผลอย่างไร ?
ต/ แก่พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ฯ
เกิดผล คือพระอัญญาโกญฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วทูลขอบรรพชา ฯ

๑๓. คำว่า “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” เป็นคำอุทานของใคร ?  เพราะเหตุใดจึงอุทานเช่นนั้น ?
ต/ เป็นคำอุทานของยสกุลบุตร ฯ
เพราะเห็นอาการพิกลต่าง ๆ ของหมู่ชนบริวารที่นอนหลับ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีเหมือนเมื่อก่อน หมู่ชนบริวารเหล่านั้นปรากฏแก่ยสกุลบุตร ดุจซากศพที่ทิ้งอยู่ในป่าช้า ครั้นเห็นแล้วเกิดความ สังเวชสลดใจ คิดเบื่อหน่าย จึงได้ออกอุทานเช่นนั้น ฯ

๑๔. “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง” เป็นคำพูดของใคร ?  พูดกับใคร ?
ต/ เป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ฯ
ตรัสกับยสกุลบุตร ฯ

๑๕. ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรมนั้น คือ เห็นว่าอย่างไร ?  ได้เกิดขึ้นแก่ผู้ใดเป็นคนแรก ?
ต/ เห็นว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดล้วนมีความดับเป็นธรรมดา” ฯ
ได้เกิดขึ้นแก่โกณฑัญญพราหมณ์ เป็นคนแรก ฯ

๑๖. ปฐมสาวกและปัจฉิมสาวก คือใคร ?
ต/ ปฐมสาวก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ
ปัจฉิมสาวก คือ พระสุภัททะ ฯ

๑๗. พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ชื่อว่า เป็นปฐมสาวกเพราะเหตุไร ?
ต/ เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเป็นองค์แรก ฯ

๑๘. บุคคลผู้แสดงตนเป็นอุบาสก ด้วยการถึงรัตนะ ๒ และรัตนะ ๓ เป็นคนแรกคือใคร ?
ต/ ผู้ถึงรัตนะ ๒ คือ ตปุสสะและภัลลิกะ ฯ
ผู้ถึงรัตนะ ๓ คือ บิดาพระยสะ ฯ

๑๙. อนุปุพพิกถา ๕ ว่าด้วยเรื่องอะไร ?  ทรงแสดงครั้งแรกแก่ใคร ?
ต/ ว่าด้วยเรื่อง ทาน ศีล สวรรค์ โทษของกามและอานิสงส์แห่งการออกจากกาม ฯ
ทรงแสดงครั้งแรกแก่ยสกุลบุตร ฯ

๒๐. อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ?  ทรงแสดงเมื่อไร ?  ผลเป็นอย่างไร ?
ต/ ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ เป็นอนัตตา ฯ
ทรงแสดงเมื่อวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ฯ
ผลคือ จิตของพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พ้นแล้วจากอาสวะเป็นพระอรหันต์ ฯ

๒๑. พระอัครสาวกทั้ง ๒ องค์สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เพราะฟังธรรมจากใคร ?
ต/ พระสารีบุตร ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ ฯ
พระโมคคัลลานะ ฟังธรรมจากพระสารีบุตร ฯ

๒๒. ในครั้งพุทธกาล วัดเชตวันนั้น ตั้งอยู่เมืองอะไร ?  ใครเป็นผู้สร้างถวาย ?
ต/ ตั้งอยู่เมืองสาวัตถี ฯ
ท่าน คฤหบดีอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้สร้างถวาย ฯ

๒๓. การปลงอายุสังขารของพระพุทธองค์ ถือโดยใจความว่าอย่างไร ?  และทรงปลงอายุสังขารเมื่อใด ?
ต/ ถือโดยใจความว่า พระองค์ทรงปรารภถึงสังขารว่า ทรงพระชราล่วงกาลผ่านไปไม่สามารถบําเพ็ญพุทธกิจต่อไปได้อีกแล้ว ฯ
เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๓ ก่อนวันปรินิพพาน ๓ เดือน ฯ

๒๔. พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญปฏิบัติบูชายิ่งกว่าอามิสบูชา เพราะเหตุไร ?
ต/ เพราะการปฏิบัติบูชานี้ ทำให้พระพุทธศาสนาตั้งมั่นอยู่ได้ยาวนาน ฯ

๒๕. ถูปารหบุคคล คือบุคคลเช่นไร ?  ได้แก่ใครบ้าง ?
ต/ ถูปารหบุคคล คือ บุคคลที่ควรแก่การบรรจุอัฐิธาตุไว้ในสถูปเพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการบูชา ฯ
ได้แก่
๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒) พระปัจเจกพุทธเจ้า
๓) พระอรหันตสาวก
๔) พระเจ้าจักรพรรดิราช ฯ

๒๖. สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ชื่อว่าอะไร ?  ตั้งอยู่ในเมืองไหน ?
ต/ ชื่อว่า มกุฏพันธนเจดีย์ ฯ
เมืองกุสินารา ฯ

๒๗. ศาสนพิธี คืออะไร ?  ผู้ที่ได้เรียนรู้แล้วได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง ?
ต/ คือ แบบอย่างหรือแบบแผนต่าง ๆ ที่พึงปฏิบัติในทางพระศาสนา ฯ
ย่อมได้รับประโยชน์ คือ เป็นผู้ฉลาดในพิธีกรรมที่เกี่ยวด้วยการ บำเพ็ญกุศล การทำบุญ และการถวายทาน สามารถในการจัดพิธีต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผน ชื่อว่า เป็นผู้รักษา ขนบประเพณีอันงดงามของพระพุทธศาสนาไว้ได้ด้วย ฯ

๒๘. การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ คืออะไร ?
ต/ คือการประกาศตนยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิตของตน ฯ

๒๙. การเผดียงสงฆ์และการอาราธนา ต่างกันอย่างไร ?
ต/ ต่างกันคือ การเผดียงสงฆ์ ได้แก่ การแจ้งความประสงค์ให้สงฆ์ทราบ
การอาราธนา ได้แก่ การนิมนต์พระสงฆ์ในพิธีให้ศีล สวดพระปริตร หรือ แสดงธรรม ฯ

๓๐. การแสดงความเคารพพระ มีกี่วิธี ?  อะไรบ้าง ?
ต/ การแสดงความเคารพพระ มี ๓ วิธี ฯ คือ
๑. ประนมมือ ในบาลีเรียกว่า ทำอัญชลี
๒. ไหว้ ในบาลีเรียกว่า นมัสการ
๓. กราบ ในบาลีเรียกว่า อภิวาท ฯ