เก็งข้อสอบวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี ปีพ.ศ.2568

เก็งข้อสอบธรรมสนามหลวง นักธรรมชั้นตรี วิชาธรรมวิภาค ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๘ มีทั้งหมด ๓๒ ข้อ ดังนี้ |
|
---|---|
๑. | ธรรมมีอุปการะมาก มีอะไรบ้าง ? เพราะเหตุไรจึงชื่อว่ามีอุปการะมาก ? |
---|---|
ต/ |
มี ๑. สติ ความระลึกได้ ๒. สัมปชัญญะ ความรู้ตัว ฯ เพราะป้องกันความเสียหาย และอุดหนุนให้สําเร็จกิจในทางที่ดี ฯ |
๒. | โลกเดือดร้อนวุ่นวายในปัจจุบันนี้ เพราะขาดธรรมอะไร ? |
ต/ |
เพราะขาดธรรมคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ ๑. หิริ ความละอายต่อบาป ๒. โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลของบาป ฯ |
๓. | พบงูพิษแล้วสดุ้งกลัวว่าจะถูกกัด จัดเป็นโอตตัปปะหรือไม่ ? เพราะเหตุใด ? |
ต/ |
ไม่ได้ ฯ เพราะโอตตัปปะ หมายความว่าความเกรงกลัวต่อบาป ฯ |
๔. | ธรรมที่ทำให้บุคคลงาม คือธรรมอะไรบ้าง ? |
ต/ |
ธรรมที่ทำให้บุคคลงาม คือ ๑. ขันติ ความอดทน ๒. โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ฯ |
๕. | บุพพการีและกตัญญูกตเวที ได้แก่บุคคลเช่นไร ? |
ต/ |
บุพพการี ได้แก่บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน กตัญญูกตเวที ได้แก่บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วและทำตอบแทน ฯ |
๖. | รัตนะ ๓ มีอะไรบ้าง ? มีคุณอย่างไร ? |
ต/ |
มี พระพุทธเจ้า ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑ ฯ มีคุณอย่างนี้ คือ ๑. พระพุทธเจ้ารู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ๒. พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ๓. พระสงฆ์ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วสอนผู้อื่นให้ทำตาม ฯ |
๗. | พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ชื่อว่า รัตนะ เพราะเหตุไร ? |
ต/ |
เพราะเป็นของมีคุณค่าและหาได้ยาก เหมือนเพชรนิล จินดามีค่ามาก นำประโยชน์และความสุขมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ฯ |
๘. | เห็นผิดจากคลองธรรม คือเห็นอย่างไร ? จัดเข้าในทุจริตข้อไหน ? |
ต/ |
คือ เห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น เห็นว่าบุญบาปไม่มี บิดามารดาไม่มีพระคุณ เป็นต้น ฯ จัดเข้าในมโนทุจริต ฯ |
๙. | มูลเหตุที่ทำให้คนทำความชั่ว เรียกว่าอะไร ? มีอะไรบ้าง ? เมื่อเกิดขึ้นควรปฏิบัติอย่างไร ? |
ต/ |
เรียกว่า อกุศลมูล ฯ มี ๓ คือ ๑. โลภะ อยากได้ ๒. โทสะ คิดประทุษร้าย ๓. โมหะ หลง ไม่รู้จริง ฯ เมื่อเกิดขึ้นแล้วควรละเสีย ด้วยทาน ศีล ภาวนา ฯ |
๑๐. | ที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ เรียกว่าอะไร ? โดยย่อมีอะไรบ้าง ฯ |
ต/ |
เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ฯ โดยย่อมี ๓ คือ ๑. ทานมัย บุญสําเร็จด้วยการบริจาคทาน ๒. สีลมัย บุญสําเร็จด้วยการรักษาศีล ๓. ภาวนามัย บุญสําเร็จด้วยการเจริญภาวนา ฯ |
๑๑. | ภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ควรเว้นอันตราย ๔ อย่าง คืออะไรบ้าง ? |
ต/ |
๑. อดทนต่อคำสอนไม่ได้ คือเบื่อหน่ายต่อคำสั่งสอนขี้เกียจทำตาม ๒. เป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง ๓. เพลิดเพลินในกามคุณ ทะยานอยากได้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป ๔. รักผู้หญิง ฯ |
๑๒. | ธาตุ ๔ มีอะไรบ้าง ? ความร้อนและฟันจัดเป็นธาตุอะไร ? |
ต/ |
มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ความร้อน จัดเป็นธาตุไฟ ฟัน จัดเป็นธาตุดิน ฯ |
๑๓. | อริยสัจ ๔ มีอะไรบ้าง ? ความไม่สบายกายไม่สบายใจ จัดเป็นอริยสัจข้อไหน ? |
ต/ |
มี ๑. ทุกข์ ๒. สมุทัย ๓. นิโรธ ๔. มรรค ฯ ความไม่สบายกายไม่สบายใจจัดเป็นทุกข์ ฯ |
๑๔. | ปัญญาอันเห็นชอบอย่างไร จึงชื่อว่ามรรคในอริยสัจ ๔ ? เพราะเหตุไร ? |
ต/ | เห็นชอบว่า สิ่งนี้คือทุกข์ สิ่งนี้เหตุให้เกิดทุกข์ สิ่งนี้ความดับทุกข์ สิ่งนี้ทางให้ถึงความดับทุกข์ จึงได้ชื่อว่า มรรค ฯ เพราะเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ฯ |
๑๕. | บุคคลผู้รักษาความยุติธรรมไว้ได้ควรเว้นจากธรรมอะไร ? มีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
ควรเว้นจาก อคติ ๔ ฯ มี ๑. ความลำเอียงเพราะรักใคร่กัน เรียกว่า ฉันทาคติ ๒. ความลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน เรียกว่า โทสาคติ ๓. ความลำเอียงเพราะเขลา เรียกว่า โมหาคติ ๔. ความลำเอียงเพราะกลัว เรียกว่า ภยาคติ ฯ |
๑๖. | ธรรมเครื่องให้สำเร็จตามความประสงค์ คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
คือ อิทธิบาท ๔ ฯ มี ๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๒. วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น ๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ ๔. วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ฯ |
๑๗. | กรรมอันเป็นบาปหนักที่สุด เรียกว่าอะไร ? มีอะไรบ้าง ? เลือกตอบมา ๓ ข้อ |
ต/ |
เรียกว่า อนันตริยกรรม ฯ ๑. มาตุฆาต ฆ่ามารดา ๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา ๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์ ๔. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป ๕. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน ฯ |
๑๘. | ธรรมอันเป็นเครื่องกั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
คือ นิวรณ์ ๕ ฯ มี ๑. กามฉันท์ พอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจ มีรูป เป็นต้น ๒. พยาบาท คิดปองร้ายผู้อื่น ๓. ถีนมิทธะ ความที่จิตหดหู่และเคลิบเคลิ้ม ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและรำคาญ ๕. วิจิกิจฉา ความลังเลไม่ตกลงใจ ฯ |
๑๙. | คิดอย่างไรเรียกว่า พยาบาท ? คิดอย่างนั้นก่อให้เกิดโทษอย่างไร ? |
ต/ |
คือ คิดปองร้ายผู้อื่น เรียกว่า พยาบาท ฯ ก่อให้เกิดโทษ คือปิดกั้นจิตใจไม่ให้บรรลุความดี ฯ |
๒๐. | การจะเป็นนักเทศน์ที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ? |
ต/ |
ต้องมีคุณสมบัติ ๕ ประการ คือ ๑. แสดงธรรมไปตามลำดับ ไม่ตัดลัดให้ขาดความ ๒. อ้างเหตุผลแนะนำให้ผู้ฟังเข้าใจ ๓. ตั้งจิตเมตตาปรารถนาให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง ๔. ไม่แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาภ ๕. ไม่แสดงธรรมกระทบตนและผู้อื่น คือ ไม่ยกตนเสียดสีผู้อื่น ฯ |
๒๑. | คารวะ คืออะไร ? มีกี่อย่าง ? ข้อว่า คารวะในการศึกษา หมายถึงอะไร ? |
ต/ |
คารวะ คือ ความเคารพเอื้อเฟื้อ ฯ มี ๖ อย่าง ฯ ข้อว่า คารวะในการศึกษา หมายถึง ความเคารพ เอื้อเฟื้อในไตรสิกขา ฯ |
๒๒. | อายตนะภายนอก ๖ ได้แก่อะไรบ้าง ? |
ต/ | อายตนะภายนอก ๖ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อารมณ์ที่มาถูกต้องกาย ธรรม คืออารมณ์ที่เกิดกับใจ ฯ |
๒๓. | อินทรีย์ ๖ กับอารมณ์ ๖ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ? |
ต/ |
มีความสัมพันธ์กันอย่างนี้ ตา เป็นใหญ่ในการเห็น อารมณ์คือรูป หู เป็นใหญ่ในการฟัง อารมณ์คือเสียง จมูก เป็นใหญ่ในการสูดดม อารมณ์คือกลิ่น ลิ้น เป็นใหญ่ในการลิ้ม อารมณ์คือรส กาย เป็นใหญ่ในการถูกต้อง อารมณ์คือโผฏฐัพพะ ใจ เป็นใหญ่ในการรู้ อารมณ์คือธรรม |
๒๔. | การสำรวมอินทรีย์ ๖ คือทำอย่างไร ? เมื่อกระทำเช่นนั้นแล้วจะได้รับประโยชน์อะไร ? |
ต/ |
คือ การสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ยินดียินร้าย เมื่อเห็นรูป ได้ยินเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส กายสัมผัส รู้ธรรมารมณ์ ฯ จะได้ประโยชน์ คือ ไม่เกิดความยินดี ไม่เกิดความยินร้าย ในเวลาเห็นรูป ได้ยินเสียง เป็นต้น ฯ |
๒๕. | โลกธรรม ธรรมที่ครอบงำสัตว์โลก ๘ อย่างนั้นมีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
คือ มีลาภ ๑ เสื่อมลาภ ๑ มียศ ๑ เสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ ฯ |
๒๖. | เมื่อโลกธรรม ๘ เกิดขึ้นแก่ตน ควรพิจารณาอย่างไร ? |
ต/ | คือ ควรพิจารณาว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็สักแต่ว่าเกิดขึ้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เมื่อพิจารณาเห็นแล้วก็อย่ายินดีใน ส่วนที่น่าปรารถนา และอย่ายินร้ายในส่วนที่ไม่น่าปรารถนา ฯ |
๒๗. | มิตรแท้ที่ควรคบ ๔ ประเภท มีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
มี ๑. มิตรมีอุปการะ ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๓. มิตรแนะนำประโยชน์ ๔. มิตรมีความรักใคร่ ฯ |
๒๘. | การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างไร ? |
ต/ | เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างนี้ คือ มักจะถูกคนชั่วชักจูงไปในทางที่ชั่ว เช่น คนไม่เคยเป็นนักเลงหญิง ไม่ติดสุรา ไม่เล่นการพนัน ไม่เป็นอันธพาล ก็ย่อมถูกชักจูงไปจนกลายเป็นนักเลงหญิงได้ เป็นต้น ฯ |
๒๙. | คุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่นไว้ได้ คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
คือ สังคหวัตถุ ๔ ฯ มี ๑. ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน ๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน ๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ๔. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ |
๓๐. | ศิษย์ที่ดีพึงปฏิบัติต่อครูอาจารย์อย่างไร ? |
ต/ |
พึงปฏิบัติต่อท่านอย่างนี้ คือ ๑. ด้วยลุกขึ้นยืนรับ ๒. ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้ ๓. ด้วยเชื่อฟัง ๔. ด้วยอุปัฏฐาก ๕. ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ ฯ |
๓๑. | อบายมุข คืออะไร ? ดื่มน้ำเมามีโทษ อย่างไรบ้าง ? |
ต/ |
คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ฯ มีโทษ ๖ อย่าง คือ ๑. เสียทรัพย์ ๒. ก่อการทะเลาะวิวาท ๓. เกิดโรค ๔. ถูกติเตียน ๕. ไม่รู้จักอาย ๖. ทอนกำลังปัญญา |
๓๒. | ความสุขของผู้ครองเรือนตามหลักพระพุทธศาสนาเกิดมาจากเหตุอะไรบ้าง ? |
ต/ |
เกิดจากเหตุ ๔ อย่าง คือ ๑. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์ ๒. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค ๓. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้ ๔. สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ ฯ |