เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นโท วิชาอนุพุทธประวัติ ปี 2567

เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นโท วิชาอนุพุทธประวัติ ปี 2567, เก็งข้อสอบวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท ปี 2567



⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ


  ติวเข้มเตรียมสอบธรรมสนามหลวง
  นักธรรมชั้นโท วิชาอนุพุทธประวัติ
  ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
  มีทั้งหมด ๓๒ ข้อดังนี้ครับ

๑. อนุพุทธบุคคล คือใคร ?  เป็นได้เฉพาะบรรพชิตหรือเฉพาะคฤหัสถ์ ?
ต/ อนุพุทธบุคคล คือ สาวกของพระพุทธเจ้า ที่ได้ตรัสรู้มรรคผลตามพระพุทธเจ้า ฯ
เป็นได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฯ

๒. พุทธบุคคล มีกี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?
ต/ พุทธบุคคล มี ๓ ประเภท ฯ คือ
๑. สัมมาสัมพุทธะ ตรัสรู้เองโดยชอบ และสอนผู้อื่นให้รู้ตาม
๒. ปัจเจกพุทธะ ตรัสรู้เฉพาะตน ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตาม
๓. อนุพุทธะ ตรัสรู้ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน และสามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ฯ

๓. ใครคืออนุพุทธองค์แรก ?  ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?
ต/ อนุพุทธองค์แรก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ฯ
เพราะฟังธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ฯ

๔. เอหิภิกขุอุปสัมปทาที่ประทานแก่พระอัญญาโกณฑัญญะและพระยสะต่างกันอย่างไร ?  เพราะเหตุไร ?
ต/ ต่างกัน คือ ที่ประทานแก่พระโกณฑัญญะมีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ
ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ ฯ
เพราะพระโกณฑัญญะยังไม่ถึงที่สุดทุกข์
ส่วนพระยสะได้ถึงที่สุดทุกข์แล้ว ฯ

๕. โกณฑัญญพราหมณ์ มีเหตุจูงใจอะไร จึงได้ออกบวชตามพระมหาบุรุษ ?
ต/ เพราะเคยเข้าร่วมทํานายพระลักษณะของพระมหาบุรุษโดยเชื่อมั่นว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน จึงออกบวชตามด้วยหวังว่า เมื่อพระมหาบุรุษตรัสรู้แล้วจักทรงเทศนาโปรดตนให้รู้ตาม ฯ

๖. ยสกุลบุตรได้ฟังธรรมจากพระศาสดาเป็นครั้งแรก ณ ที่ไหน ?  ธรรมนั้นมีชื่อว่าอะไร ?
ต/ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ฯ
ธรรมนั้นมีชื่อว่า อนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ ฯ

๗. “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” เป็นคำอุทานของใคร ?  เพราะเหตุใดจึงอุทานอย่างนั้น ?
ต/ เป็นคำอุทานของยสกุลบุตร ฯ
เพราะเห็นหมู่ชนบริวารนอนหลับ มีอาการพิกลต่าง ๆ ดุจซากศพที่ทิ้งอยู่ในป่าช้าจึงเกิดความสลดใจคิดเบื่อหน่าย ฯ

๘. พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถา แก่ใครเป็นคนแรก ?  อนุปุพพิกถานั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร ?
ต/ แสดงแก่ยสกุลบุตรเป็นคนแรก ฯ
กล่าวถึง ทานคือการให้ ศีลคือความรักษากายวาจาให้เรียบร้อย สวรรค์คือกามคุณอันเลิศที่บุคคลจะพึงได้ พึงถึงด้วยกรรมอันดี คือทานและศีล พรรณนาโทษแห่งกามและอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม ฯ

๙. พุทธบริษัท ๔ ผู้เป็นอริยสาวก มีลำดับการเกิดขึ้นก่อนหลังกันอย่างไร ?  บุคคลแรกของแต่ละบริษัทนั้น คือใคร ?
ต/ มีลำดับอย่างนี้ คือ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา และภิกษุณี ฯ
บุคคลแรกของแต่ละบริษัท มีดังนี้
พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นคนแรกของภิกษุบริษัท
บิดาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสกบริษัท
มารดาและภรรยาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสิกาบริษัท
พระนางปชาบดี โคตมี เป็นคนแรกของภิกษุณีบริษัท ฯ

๑๐. อุบาสกผู้ประกาศตนถึงรัตนะ ๒ และรัตนะ ๓ ว่าเป็นสรณะคนแรก คือใคร ?
ต/ อุบาสกผู้ประกาศตนถึงรัตนะ ๒ คือ ตปุสสะและภัลลิกะ อุบาสกผู้ประกาศตนถึงรัตนะ ๓ คือ บิดาพระยสะ ฯ

๑๑. พระอรหันต์ ๖๐ องค์ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระศาสนาครั้งแรก มีใครบ้าง ?
ต/ มีพระปัญจวัคคีย์ ๕ พระยสะ ๑ สหายของพระยสะที่ปรากฏนาม ๔ และ ที่ไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ ฯ

๑๒. พระสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมากคือใคร ?  เพราะท่านมีคุณธรรมอะไร ?
ต/ คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ
เพราะท่านรู้จักสงเคาระห์บริวารด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง จึงเป็นที่รักใคร่นับถือ สามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจบริวารไว้ได้ ฯ

๑๓. ชฎิล ๓ พี่น้อง มีชื่ออะไรบ้าง ?  ได้บรรลุพระอรหันต์เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?
ต/ พระอุรุเวลกัสสปะ พระนทีกัสสปะ พระคยากัสสปะ ฯ
เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่อ อาทิตตปริยายสูตร ฯ

๑๔. “คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง ๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือ จักล่วงไปหมด ดูการเล่นไม่มีประโยชน์อะไร ควรขวนขวายหาธรรมเครื่องพ้นดีกว่า”  นี้เป็นคําพูดของใคร ?  พูดกับใคร ?
ต/ เป็นคำพูดของอุปติสสมาณพ ฯ
พูดกับโกลิตมาณพ ฯ

๑๕. พระอัสสชิได้แสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชก มีใจความย่อว่าอย่างไร ?
ต/ มีใจความย่อว่า "ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น พระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้" ฯ

๑๖. พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตรคู่กับพระโมคคัลลานะ โดยตรัสอุปมาว่าอย่างไร ?
ต/ ตรัสอุปมาว่า
พระสารีบุตร เปรียบเหมือนมารดาผู้ให้ทารกเกิด
พระโมคคัลลานะ เปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกนั้นที่เกิดแล้ว ฯ

๑๗. ธรรมเสนาบดี และนวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ?  เพราะเหตุไรจึงมีนามเช่นนั้น ?
ต/ ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการประกาศพระพุทธศาสนา ฯ
นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระโมคคัลลานเถระ เพราะท่าน เป็นผู้สามารถกำกับดูแลการก่อสร้าง ฯ

๑๘. พระโอวาทว่า “เราจักไม่ชูงวง เข้าไปสู่สกุล”  พระพุทธองค์ตรัสแก่พระสาวกองค์ใด ?  ที่ไหน ?
ต/ ตรัสแก่ พระโมคคัลลานะ ฯ
ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แคว้นมคธ ฯ

๑๙. พระมหากัสสปะโดยปกติถือธุดงค์กี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?
ต/ ถือธุดงค์ ๓ อย่าง ฯ คือ
๑) นุ่งห่มผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร
๒) เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
๓) อยู่ป่าเป็นวัตร ฯ

๒๐. พระสาวกองค์ใดเป็นผู้มักน้อยสันโดษอย่างยิ่ง ?  ท่านทําใจอย่างไร ?
ต/ พระมหากัสสปะ ฯ
ทําใจอย่างนี้ คือ เมื่อแสวงหาไม่ได้ ก็ไม่สะดุ้งตกใจ เมื่อแสวงหาได้แล้ว ก็ไม่กําหนัดยินดีในปัจจัย ๔ นั้น ฯ

๒๑. พระโอวาทที่พระศาสดาทรงประทานในการให้อุปสมบทแก่พระมหากัสสปะมีกี่ข้อ ?  อะไรบ้าง ?
ต/ มี ๓ ข้อ ฯ คือ ๑. เราจักเข้าไปตั้งความละอาย และความยำเกรงอย่างแรงกล้าไว้ในภิกษุทั้งที่เป็นเถระปานกลาง และผู้ใหม่
๒. เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมนั้น
๓. เราจักไม่ละสติที่ไปในกาย ฯ

๒๒. สตรีคนแรกที่ได้อุปสมบทในพุทธศาสนาคือใคร ?  อุปสมบทด้วยวิธีใด ?
ต/ คือ พระมหาปชาบดีโคตมี ฯ
อุปสมบทด้วยวิธีรับครุธรรม ๘ ประการ ฯ

๒๓. พระเถระและพระเถรีผู้มีชื่อต่อไปนี้ ได้รับเอตทัคคะในทางไหน ?
ก. พระมหากัจจายนะ
ข. พระโมฆราช
ค. พระราหุล
ง. ปฏาจาราเถรี
จ. อุบลวรรณาเถรี
ต/ ก. พระมหากัจจายนะ เป็นเอตทัคคะในทางอธิบายคำย่อให้พิสดาร
ข. พระโมฆราช เป็นเอตทัคคะในทางทรงจีวรเศร้าหมอง
ค. พระราหุล เป็นเอตทัคคะในทางผู้ใฝ่ใจศึกษาพระธรรมวินัย
ง. ปฏาจาราเถรี เป็นเอตทัคคะในทางทรงวินัย
จ. อุบลวรรณาเถรี เป็นเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์ฯ

๒๔. พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอุปมาด้วยพิณ ๓ สาย แก่ใคร ?  ด้วยทรงพระประสงค์ใด ?
ต/ ทรงแสดงแก่พระโสณโกฬิวิสะ ฯ
ด้วยทรงพระประสงค์จะให้ท่านทำความเพียรพอประมาณ เพราะท่านทำความเพียรอย่างยิ่ง เดินจงกรมจนเท้าแตก ฯ

๒๕. พระสาวกผู้ได้รับการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาเป็นองค์แรก คือใคร ?  ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายอย่างไร ?
ต/ คือ พระราธะ ฯ
ได้รับยกย่องว่า เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้งในธรรมเทศนา ฯ

๒๖. พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกที่ไหน ?  ใช้เวลานานเท่าไร ?
ต/ ที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา กรุงราชคฤห์ ฯ
ใช้เวลา ๗ เดือน ฯ

๒๗. ปัญหาว่า โลกคือหมู่สัตว์อันอะไรปิดบังไว้จึงหลงอยู่ในที่มืด ดังนี้ ใครเป็นผู้ถาม ?  และพระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร ?
ต/ อชิตมาณพ เป็นผู้ถาม ฯ
ทรงพยากรณ์ว่า โลกคือหมู่สัตว์ อันอวิชชาคือความไม่รู้แจ้งปิดบังไว้ จึงหลงดุจอยู่ในที่มืด ฯ

๒๘. ปัญหาว่า “ข้าพเจ้าจักพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น”  ใครเป็นผู้ถาม ?  พระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้อย่างไร ?
ต/ พระโมฆราช เป็นผู้ทูลถาม ฯ
พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่าตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจักข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น ฯ

๒๙. การทำวัตรสวดมนต์ มีประโยชน์อย่างไร ?  จงอธิบาย
ต/ เป็นอุบายสงบใจ ไม่ให้คิดวุ่นวายตามอารมณ์ได้ชั่วขณะที่ทำ เมื่อทำประจำวันละ ๒ เวลา ทั้งเช้าเย็น ครั้งละครึ่งชั่วโมง หรือ ๑ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ก็เท่ากับได้ใช้เวลาสงบจิตได้วันละไม่ต่ำกว่า ๑ ใน ๒๔ ชั่วโมง ฯ

๓๐. จงให้ความหมายของคําต่อไปนี้ การเข้าพรรษา การออกพรรษา ?
ต/ การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่าจะอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน ไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่น ระหว่างผูกใจนั้นเว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะ ฯ
การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดกําหนดอยู่จําพรรษาของภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ มีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะ เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือ การทําปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันตลอด เวลา ๓ เดือน ฯ

๓๑. วันธรรมสวนะ คือวันอะไร ?  ทรงอนุญาตให้มีในวันใดบ้าง ?
ต/ คือ วันกําหนดประชุมฟังธรรม หรือที่เรียกว่า “วันพระ” ฯ
ในวัน ๘ ค่ำ และวัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ ของปักษ์ทั้งข้างขึ้นและ ข้างแรม ฯ

๓๒. วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกว่าวันอะไร ?  ตรงกับวันอะไร ?
ต/ เรียกว่า วันเทโวโรหณะ ฯ
ตรงกับวันมหาปวารณา เพ็ญเดือน ๑๑ ฯ

⏏︎ ดาวน์โหลดเก็งข้อสอบ