เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นเอก วิชาวินัยบัญญัติ ปีพ.ศ.๒๕๖๖

เก็งข้อสอบวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก พ.ศ.๒๕๖๖



  1. ภิกษุผู้ปรารถนาความตั้งอยู่ยั่งยืนของพระธรรมวินัย ควรปฏิบัติตนอย่างไร ?
    ตอบ ควรตั้งอยู่ใน สีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา และลัชชีธรรม สำรวมในพระปาติโมกข์ ประกอบด้วยอาจาระและโคจระ เห็นภัยในโทษแม้เพียงเล็กน้อย สำเหนียกศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย ฯ
  2. สังฆกรรมมีอะไรบ้าง ? สังฆกรรมอะไรที่สงฆ์จตุวรรคทำไม่ได้ ?
    ตอบ สังฆกรรม มี
    ๑) อปโลกนกรรม
    ๒) ญัตติกรรม
    ๓) ญัตติทุติยกรรม
    ๔) ญัตติจตุตถกรรม ฯ
    สังฆกรรมที่สงฆ์จตุวรรคทำไม่ได้ ได้แก่ ปวารณา, ให้ผ้ากฐิน, อุปสมบท และ อัพภาน สงฆ์จตุวรรคทำไม่ได้ ฯ
  3. ญัตติและอนุสาวนา หมายถึงอะไร ? ญัตติมีใช้ในสังฆกรรมอะไรบ้าง ?
    ตอบ ญัตติ หมายถึง คำเผดียงสงฆ์
    อนุสาวนา หมายถึง การสวดประกาศคำปรึกษาและข้อตกลงของสงฆ์ ฯ
    ญัตติมีใช้ใน ๓ สังฆกรรม คือ
    ๑) ญัตติกรรม
    ๒) ญัตติทุติยกรรม
    ๓) ญัตติจตุตถกรรม ฯ
  4. สีมา คืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไร ?
    ตอบ สีมา คือ เขตประชุมของสงฆ์ผู้ทำสังฆกรรม ฯ
    มีความสำคัญ เพื่อจะกำหนดรู้เขตประชุมแห่งสงฆ์ที่ประชุมกันทำสังฆกรรม มีการให้อุปสมบทแก่กุลบุตรเป็นตน้ ที่พระศาสดาทรงอนุญาตให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันทำ ฯ
  5. สีมามีกี่ประเภท ? วิสุงคามสีมา จัดเข้าในประเภทไหน ?
    ตอบ สีมา มี ๒ ประเภท คือ
    ๑) พัทธสีมา
    ๒) อพัทธสีมา ฯ
    วิสุงคามสีมา จัดเข้าในประเภทดังนี้
    เมื่อสงฆ์ยังไม่ผูก จัดเป็น อพัทธสีมา
    ครั้นสงฆ์ผูกแล้ว จัดเป็น พัทธสีมา ฯ
  6. สีมาสังกระ คืออะไร ? สงฆ์จะทำสังฆกรรมในสีมาเช่นนั้นได้หรือไม่อย่างไร ?
    ตอบ สีมาสังกระ คือ สีมาที่สมมติคาบเกี่ยวกันระหว่างสีมาที่สมมติไว้เดิมและสีมาที่สมมติขึ้นใหม่ ฯ
    สงฆ์จะทำสังฆกรรมในสีมาที่สมมติไว้เดิมได้ แต่ทำในสีมาที่สมมติขึ้นใหม่ไม่ได้ ฯ
  7. คำว่า “เจ้าอธิการ” ในพระวินัยหมายถึงใคร ? มีกี่แผนก ? อะไรบ้าง ?
    ตอบ เจ้าอธิการ หมายถึง ภิกษุที่สงฆ์สมมติให้เป็นหน้าที่ทำกิจการของสงฆ์ ฯ
    มี ๕ แผนก ฯ ได้แก่
    ๑) เจ้าอธิการแห่งจีวร
    ๒) เจ้าอธิการแห่งอาหาร
    ๓) เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ
    ๔) เจ้าอธิการแห่งอาราม
    ๕) เจ้าอธิการแห่งคลัง ฯ
  8. ภิกษุผู้ควรได้รับสมมติให้เป็นภัตตุทเทสกะ ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเช่นไร ?
    ตอบ ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้คือ
    ๑. เว้นอคติ ๔ คือ ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ
    ๒. รู้จักภัตรที่ควรแจก หรือมิควรแจก
    ๓. รู้จักลำดับที่พึงแจก ฯ
  9. กฐิน มีชื่อมาจากอะไร ? ผ้าที่เป็นกฐินได้มีอะไรบ้าง ?
    ตอบ กฐิน มีชื่อมาจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออกสำหรับขึงจีวรเพื่อเย็บ ฯ
    ผ้าที่เป็นกฐินได้ มีดังนี้
    ๑) ผ้าใหม่
    ๒) ผ้าเทียมใหม่ คือผ้าฟอกสะอาดแล้ว
    ๓) ผ้าเก่า
    ๔) ผ้าบังสุกุล
    ๕) ผ้าที่ตกตามร้านตลาดซึ่งเขานำมาถวายสงฆ์ ฯ
  10. ผ้าที่ไม่ทรงอนุญาตให้ใช้เป็นผ้ากฐิน ได้แก่ผ้าเช่นไรบ้าง ?
    ตอบ ผ้าที่ไม่ทรงอนุญาตให้ใช้เป็นผ้ากฐิน คือ
    ๑. ผ้าที่ไม่ได้เป็นสิทธิ์ เช่น ผ้าที่ขอยืมเขามา
    ๒. ผ้าที่ได้มาโดยอาการอันมิชอบ คือ ทำนิมิตได้มา พูดเลียบเคียงได้มา และผ้าเป็นนิสสัคคีย์
    ๓. ผ้าที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ แต่เก็บค้างคืนไว้ ฯ
  11. กรานกฐิน ได้แก่การทําอย่างไร ?
    ตอบ กรานกฐิน ได้แก่ เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในเดือนท้ายฤดูฝน พอจะทําเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ผู้ เหมาะสม ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้น นําไปทําเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง ให้แล้วเสร็จในวันนั้น แล้วมาบอกแก่ภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้เพื่ออนุโมทนา ภิกษุ เหล่านั้นอนุโมทนา ทั้งหมดนี้คือ กรานกฐิน ฯ
  12. ผู้จะเข้ามาอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
    ตอบ ผู้จะเข้ามาอุปสมบทต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ๕ ประการ คือ
    ๑. เป็นชาย
    ๒. มีอายุครบ ๒๐ ปี
    ๓. ไม่เป็นมนุษย์วิบัติ เช่น ถูกตอน หรือเป็นกะเทย เป็นต้น
    ๔. ไม่เคยทำอนันตริยกรรม
    ๕. ไม่เคยต้องปาราชิก หรือไม่เคยเข้ารีตเดียรถีย์ทั้งที่เป็นภิกษุ ฯ
  13. ในอุปสมบทกรรม อภัพพบุคคล หมายถึงใคร ? จำแนกโดยประเภทมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
    ตอบ อภัพพบุคคล หมายถึง บุคคลที่ทรงห้ามไม่ให้อุปสมบท ฯ
    จำแนกโดยประเภทมี ๓ ประเภท ได้แก่
    ๑) เพศบกพร่อง
    ๒) ประพฤติผิดพระธรรมวินัย
    ๓) ประพฤติผิดต่อกำเนิดของเขาเอง ฯ
  14. ญัตติ กับ อนุสาวนา ต่างกันอย่างไร ? มีใช้ในสังฆกรรมอะไรบ้าง ?
    ตอบ ญัตติ คือ การเผดียงสงฆ์
    อนุสาวนา คือ การประกาศความปรึกษาและตกลงของสงฆ์ ฯ
    ญัตติมีใช้ใน ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม และญัตติจตุตถกรรม
    อนุสาวนามีใช้เฉพาะใน ญัตติทุติยกรรม และญัตติจตุตถกรรม ฯ
  15. การบอกนิสสัย ๔ และ อกรณียะ ๔ บอกในเวลาใด ? และใครเป็นผู้บอก ?
    ตอบ ท่านให้บอกในลำดับแห่งอุปสมบทแล้ว ห้ามไม่ให้บอกก่อนหน้าอุปสมบท ฯ
    อุปัชฌายะบอกก็ได้ กรรมวาจาจารย์หรืออนุสาวนาจารย์บอกก็ได้ ฯ
  16. ภิกษุผู้ก่อวิวาทาธิกรณ์ อย่างไรชื่อว่าปรารถนาดี อย่างไรชื่อว่าปรารถนาเลว ?
    ตอบ ผู้ก่อวิวาทเพราะเห็นแก่พระธรรมวินัย (ปราศจากโลภะ โทสะ โมหะ) ชื่อว่า ทำด้วยปรารถนาดี
    ผู้ก่อวิวาทด้วยทิฐิมานะแม้รู้ว่าผิดก็ขืนทำ (ประกอบด้วยโลภะ โทสะ โมหะ) ชื่อว่า ทำด้วยปรารถนาเลว ฯ
  17. สัมมุขาวินัยมีองค์เท่าไร ? อะไรบ้าง ?
    ตอบ มีองค์ ๔ ฯ คือ
    ๑) ในที่พร้อมหน้าสงฆ์
    ๒) ในที่พร้อมหน้าธรรม
    ๓) ในที่พร้อมหน้าวินัย
    ๔) ในที่พร้อมหน้าบุคคล ฯ
  18. พระอรรถกถาจารย์แสดงลักษณะปกปิดอาบัติสังฆาทิเสสไว้เป็น ๕ คู่ อย่างไรบ้าง ?
    ตอบ แสดงไว้ ๕ คู่ ดังนี้
    ๑. เป็นอาบัติ และรู้ว่าเป็นอาบัติ
    ๒. เป็นปกตัตตะ และรู้ว่าเป็นปกตัตตะ
    ๓. ไม่มีอันตราย และรู้ว่าไม่มีอันตราย
    ๔. อาจอยู่ และรู้ว่าอาจอยู่
    ๕. ใคร่จะปิด และปิดไว้ ฯ
  19. รัตติเฉท หมายถึงอะไร ? มีอะไรบ้าง ?
    ตอบ รัตติเฉท หมายถึง การขาดราตรีแห่ง (การประพฤติ) มานัต ฯ มี
    ๑) อยู่ร่วม
    ๒) อยู่ปราศ
    ๓) ไม่บอก
    ๔) ประพฤติในคณะอันพร่อง ฯ
  20. วุฏฐานวิธี แปลว่าอะไร ? ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
    ตอบ วุฏฐานวิธี แปลว่า ระเบียบเป็นเครื่องออกจากอาบัติ ฯ
    ประกอบด้วย ปริวาส มานัต ปฏิกัสสนา และ อัพภาน ฯ
  21. จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ ก. ปริวาส ข. อัพภาน ฯ
    ตอบ ปริวาส ได้แก่ การประพฤติวัตรพิเศษอย่างหนึ่งเท่าจำนวนวันที่ภิกษุผู้ต้องอาบัติ สังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้ ฯ
    อัพภาน ได้แก่ การที่สงฆ์สวดระงบัอาบัติสังฆาทิเสส ฯ
  22. อุกเขปนียกรรม และ นิยสกรรม สงฆ์พึงลงแก่ภิกษุเช่นไร ?
    ตอบ อุกเขปนียกรรม พึงลงแก่ภิกษุไม่เห็นอาบัติผู้ไม่ทำคืนอาบัติหรือผู้ไม่สละทิฏฐิบาป
    นิยสกรรม พึงลงแก่ภิกษุผู้มีอาบัติมาก หรือคลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีอันไม่ควร ฯ
  23. ในทางพระวินัย "การคว่ำบาตร" หมายถึงอะไร ?
    ตอบ การคว่ำบาตร หมายถึง การไม่ให้คบหาสมาคมด้วย
    ลักษณะ ๓ ประการ คือ
    ๑) ไม่รับบิณฑบาตของเขา
    ๒) ไม่รับนิมนต์ของเขา
    ๓) ไม่รับไทยธรรมของเขา ฯ
  24. นาสนา คืออะไร ? บุคคลเช่นไรที่ทรงอนุญาตให้นาสนา ?
    ตอบ นาสนา คือ การยังบุคคลผู้ไม่สมควรถือเพศภิกษุและสามเณร ให้สละเพศเสีย ฯ
    บุคคลที่ทรงอนุญาตให้นาสนา มี ๓ ประเภท คือ
    ๑) ภิกษุต้องอันติมวัตถุแล้ว ยังปฏิญญาตนเป็นภิกษุ
    ๒) บุคคลผู้อุปสมบทไม่ขึ้น ได้รับอุปสมบทแต่สงฆ์
    ๓) สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ ข้อใดข้อหนึ่ง เช่น เป็นผู้มักผลาญชีวิตสัตว์ เป็นต้น ฯ
  25. ภิกษุประพฤติผิดธรรมวินัยอย่างไร จึงทรงอนุญาตให้สงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมได้ ?
    ตอบ ภิกษุประพฤติผิดอย่างนี้ คือ ไม่เห็นอาบัติ ไม่ทําคืนอาบัติ หรือ ไม่สละทิฏฐิบาป ฯ
  26. เจ้าอาวาส ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ ใครเป็นผู้แต่งตั้ง ?
    ตอบ สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระบัญชาแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ตามมติมหาเถรสมาคม เจ้าคณะจังหวัด แต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ฯ
  27. พระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตรา ๓๗ ระบุหน้าที่เจ้าอาวาสไว้กี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
    ตอบ ระบุไว้ ๔ อย่าง ฯ คือ
    ๑. บํารุงรักษาวัด จัดกิจการและศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี
    ๒. ปกครองและสอดส่องให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพํานักอาศัยอยู่ในวัดนั้น ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือ คําสั่งของมหาเถรสมาคม
    ๓. เป็นธุระในการศึกษาอบรมและสั่งสอนพระธรรมวินัยแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์
    ๔. ให้ความสะดวกตามสมควรในการบําเพ็ญกุศล ฯ
  28. กรรมการมหาเถรสมาคมซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง พ้นจากตำแหน่งเมื่อใด ?
    ตอบ พ้นเมื่อ
    ๑. มรณภาพ
    ๒. พ้นจากความเป็นพระภิกษุ
    ๓. ลาออก
    ๔. สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้ออก
    ๕. อยู่ครบวาระ ๒ ปี ฯ
  29. องค์กรปกครองคณะสงฆ์สูงสุด เรียกว่าอะไร ? มีกําหนดองค์ประกอบไว้อย่างไรบ้าง ?
    ตอบ องค์กรปกครองคณะสงฆ์สูงสุด เรียกว่า มหาเถรสมาคม ฯ
    มีกําหนดองค์ประกอบไว้ดังนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงดํารงตําแหน่งประธานกรรมการโดยตําแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป เป็นกรรมการ โดยตําแหน่ง และพระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งมีจํานวนไม่เกิน ๑๒ รูป เป็นกรรมการ ฯ
  30. ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์หรือคณะสงฆ์อื่นอันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยก มีโทษอย่างไร ?
    ตอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฯ