เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นโท วิชาธรรมวิภาค ปีพ.ศ.๒๕๖๖

เก็งข้อสอบวิชาธรรมวิภาค นักธรรมชั้นโท พ.ศ.๒๕๖๖



  1. ตจปัญจกกัมมัฏฐาน มีอะไรบ้าง ? เป็นอารมณ์ของสมถกัมมัฏ ฐานหรือของวิปัสสนากัมมัฏฐาน ?
    ตอบ มี เกสา ผม โลมา ขน นขา เล็บ ทนฺตา ฟัน และตโจ หนัง ฯ
    เป็นอารมณ์ได้ทั้งสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฯ
  2. ราคะ โลภะ อิสสา กลิ่น รส อย่างไหนเป็นกิเลสกาม อย่างไหนเป็นวัตุกาม ?
    ตอบ ราคะ โลภะ อิสสา เป็นกิเลสกาม กลิ่น รส เป็นวัตถุกาม ฯ
  3. ปฏิสันถาร มีอะไรบ้าง ? มีประโยชน์แก่ผู้ทำอย่างไรบ้าง ?
    ตอบ ปฏิสันถาร มี ๒ คือ
    ๑) อามิสปฏิสันถาร ต้อนรับด้วยสิ่งของ
    ๒) ธัมมปฏิสันถาร ต้อนรับโดยธรรม ฯ
    มีประโยชน์อย่างนี้ คือ
    ๑) เป็นอุบายสร้างความสามัคคีและยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน
    ๒) เป็นการรักษาไมตรีจิตระหว่างกันและกันให้มั่นคงยิ่งขึ้น ฯ
  4. เจโตวิมุตติ กับ ปัญญาวิมุตติ ต่างกันอย่างไร ?
    ตอบ เจโตวิมุตติ เป็นวิมุตติของท่านผู้ได้บรรลุฌานมาก่อนแล้ว จึงบําเพ็ญวิปัสสนาต่อ
    ปัญญาวิมุตติ เป็นวิมุตติของท่านผู้ได้บรรลุด้วยลําพังบําเพ็ญ วิปัสสนาล้วน
    อีกนัยหนึ่ง เรียกเจโตวิมุตติเพราะพ้นจากราคะ เรียกปัญญาวิมุตติเพราะพ้นจากอวิชชา ฯ
  5. พระอริยบุคคล ๘ จำพวก จำพวกไหนชื่อว่าพระเสขะ และพระอเสขะ ? เพราะเหตุไร ?
    ตอบ พระอริยบุคคล ๗ เบื้องต้น ชื่อว่าพระเสขะ เพราะเป็นผู้ยังต้องปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลเบื้องสูง ฯ
    พระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผล ชื่อว่าพระอเสขะ เพราะเสร็จกิจอันจะต้องทําแล้ว ฯ
  6. ความตริ (ความคิด) ในฝ่ายชั่ว เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
    ตอบ ความตริ (ความคิด) ในฝ่ายชั่ว เรียกว่า อกุศลวิตก ฯ
    มี ๓ อย่าง ฯ คือ
    ๑) กามวิตก ความตริในทางกาม
    ๒) พยาบาทวิตก ความตริในทางพยาบาท
    ๓) วิหิงสาวิตก ความตริในทางเบียดเบียน ฯ
  7. บุคคลผู้ถือความถูกต้องเป็นใหญ่ทำด้วยเมตตา กรุณา เป็นต้น จัดเข้าในอธิปเตยยะข้อไหน ?
    ตอบ จัดเข้าในธัมมาธิปเตยยะได้ ฯ
  8. ญาณ ๓ ที่เป็นไปในทุกขสมุทัยมีอธิบายอย่างไร ?
    ตอบ ปรีชาหยั่งรู้ว่า นี้ทุกขสมุทัย จัดเป็นสัจจญาณ
    ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัย เป็นสภาพที่ควรละ จัดเป็นกิจจญาณ
    ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัย เป็นสภาพที่ละได้แล้ว จัดเป็นกตญาณ ฯ
  9. สังโยชน์คืออะไร ? พระโสดาบันละสังโยชน์อะไรได้ขาดบ้าง ?
    ตอบ สังโยชน์ คือ กิเลสอันผูกใจสัตว์ไว้ ฯ
    พระโสดาบันละสังโยชน์ ๓ เบื้องต้น คือ
    ๑. สักกายทิฏฐิ
    ๒. วิจิกิจฉา
    ๓. สีลัพพตปรามาส ฯ
  10. ปาฏิหาริย์คืออะไร ? พระพุทธเจ้าทรงยกย่องปาฏิหาริย์ อะไรว่าเป็นอัศจรรย์ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อื่น ?
    ตอบ ปาฏิหาริย์ คือ การกระทำที่ให้บังเกิดผลเป็นอัศจรรย์ ฯ
    พระพุทธเจ้าทรงยกย่องอนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าเป็นอัศจรรย์ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อื่น
  11. อุปาทาน คืออะไร ? การถือเราถือเขาด้วยอำนาจมานะ จนเป็นเหตุถือพวก จัดเป็นอุปาทานอะไร ในอุปาทาน ๔ ?
    ตอบ อุปาทาน คือ การถือมั่นข้างเลว ได้แก่ถือรั้น ฯ
    จัดเป็น อัตตวาทุปาทาน ฯ
  12. กิเลส ชื่อว่า โอฆะ โยคะ และอาสวะ เพราะเหตุไร ?
    ตอบ ชื่อว่า โอฆะ เพราะดุจเป็นกระแสน้ำอันท่วมใจสัตว์
    ชื่อว่า โยคะ เพราะประกอบสัตวไว้ในภพ
    ชื่อว่า อาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในสันดาน ฯ
  13. กิจในอริยสัจ ๔ มีอะไรบ้าง ?
    ตอบ กิจในอริยสัจ ๔ ได้แก่
    ๑) ปริญญา กำหนดรู้ทุกขสัจ
    ๒) ปหานะ ละสมุทัยสัจ
    ๓) สัจฉิกรณะ ทำให้แจ้งนิโรธสัจ
    ๔) ภาวนา ทำมัคคสัจให้เกิด ฯ
  14. อปัสเสนธรรม ข้อว่า “พิจารณาแล้วบรรเทาของอย่างหนึ่ง” ของอย่างหนึ่งนั้นคืออะไร ?
    ตอบ ของอย่างหนึ่ง คือ อกุศลวิตกอันสัมปยุตด้วย กาม พยาบาท วิหิงสา ฯ
  15. เมตตา มีความหมายว่าอย่างไร ? เมตตาในพรหมวิหารและในอัปปมัญญา ต่างกันอย่างไร ?
    ตอบ เมตตา หมายถึง ปรารถนาความสุขความเจริญต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ ฯ
    ต่างกันโดยวิธีแผ่ คือ
    ๑) แผ่โดยเจาะจงก็ดี โดยไม่เจาะจงก็ดี จัดเป็นพรหมวิหาร
    ๒) ถ้าแผ่โดยไม่เจาะจงไม่จำกัด จัดเป็นอัปปมัญญา ฯ
  16. สังวรคืออะไร ? สติสังวรสำรวมด้วยสตินั้น มีอธิบายอย่างไร ?
    ตอบ สังวร คือการสำรวมระวังปิดกั้นอกุศล ฯ
    สติสังวร อธิบายว่า สำรวมอินทรีย์มีจักษุเป็นต้น ระวังรักษามิให้อกุศลกรรมเข้าครอบงำ เมื่อเห็นรูปเป็นต้น ทั้งมีสติไม่หลงลืม ระลึกได้ก่อนแต่ทำ พูด คิด ไม่ให้ผิดทางกาย วาจา ใจ ไม่ประมาทหลงทำกรรมชั่ว ฯ
  17. ในวิมุตติ ๕ วิมุตติอย่างไหนเป็นโลกิยะ อย่างไหนเป็นโลกุตตระ ?
    ตอบ ตทังควิมุตติ และ วิกขัมภนวิมุตติ จัดเป็นโลกิยะ
    สมุจเฉทวิมุตติ ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ และนิสสรณวิมุตติ จัดเป็นโลกุตตระ ฯ
  18. จริต คือ อะไร ? คนมีปกติเชื่อง่ายเป็นจริตอะไร ?
    ตอบ จริต คือ พื้นเพอัธยาศัยของบุคคลที่แสดงออกมาตามปกติเป็นประจำ ฯ
    คนมีปกติเชื่อง่ายเป็น สัทธาจริต ฯ
  19. คนมีปกติรักสวยรักงาม จัดเป็นจริตอะไร ? จะพึงแก้ได้ด้วยการพิจารณากรรมฐานข้อใดได้บ้าง ?
    ตอบ คนมีปกติรักสวยรักงาม จัดเป็นราคจริต ฯ
    จะพึงแก้ได้ด้วยการพิจารณา กายคตาสติ หรือ อสุภกรรมฐาน ฯ
  20. อนุสัย หมายถึงกิเลสประเภทไหน ? ได้ชื่อเช่นนั้นเพราะเหตุไร ?
    ตอบ อนุสัย หมายถึง กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน ฯ
    ได้ชื่อว่าอนุสัย เพราะกิเลสชนิดนี้บางทีไม่ปรากฏ แต่เมื่อมีอารมณ์มายั่ว ย่อมเกิดขึ้นในทันใด ฯ
  21. กิเลสที่ได้ชื่อว่า อนุสัย และ ได้ชื่อว่าสังโยชน์ มีอธิบายอย่างไร ?
    ตอบ กิเลสที่ได้ชื่อว่า อนุสัย เพราะเป็นกิเลสอย่างละเอียด นอนเนื่องอยู่ในสันดานของสัตว์มักไม่ปรากฏ ต่อเมื่อมีอารมณ์มายั่วจึงปรากฏขึ้น
    กิเลสที่ได้ชื่อว่า สังโยชน์ เพราะเป็นกิเลสที่ผูกใจสัตว์ไว้กับภพไม่ให้หลุดพ้น ไปได้
  22. ในอวิชชา ๘ ข้อที่ว่า ไม่รู้จักอนาคต มีอธิบายว่าอย่างไร ?
    ตอบ ข้อที่ว่า ไม่รู้จักอนาคต มีอธิบายว่า ไม่รู้จักคิดล่วงหน้า ไม่อาจปรารภการที่ทำ หรือเหตุอันเกิดขึ้นในปัจจุบันว่าจักมีผลเป็นอย่างนั้น ๆ ฯ
  23. พระพุทธคุณ บทว่า อรหํ แปลว่าอย่างไรได้บ้าง ?
    ตอบ อรหํ แปลว่า
    ๑. เป็นผู้เว้นไกลจากกิเลสและบาปกรรม
    ๒. เป็นผู้หักกำแห่งสังสารจักร
    ๓. เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนเขา
    ๔. เป็นผู้ควรรับความเคารพนับถือของเขา
    ๕. เป็นผู้ไม่มีข้อลับ ไม่ได้ทำความเสียหายอันจะพึงซ่อนเพื่อมิให้คนอื่นรู้ ฯ
  24. พุทธคุณ ๒ ก็มี พุทธคุณ ๓ ก็มี พุทธคุณ ๙ ก็มี จงแจกแจง แต่ละอย่างว่ามีอะไรบ้าง ?
    ตอบ พุทธคุณ ๒ คือ อัตตหิตสมบัติ ความถึงแห่งประโยชน์ตน และปรหิตปฏิบัติ การปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น
    พุทธคุณ ๓ คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระกรุณาคุณ
    พุทธคุณ ๙ คือ อรหํ , สมฺมาสมฺพุทฺโธ, วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, สุคโต, โลกวิทู, อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ , พุทฺโธ, ภควา ฯ
  25. คำว่า พระสงฆ์ ในบทสังฆคุณนั้น ท่านประสงค์บุคคลเช่นไร ? จงจำแนกมาดู
    ตอบ ท่านประสงค์พระอริยบุคคล ๔ คู่ ๘ บุคคล ซึ่งล้วนแต่ท่านผู้ที่ตั้งอยู่ในมรรคผลทั้งสิ้น จำแนกได้ดังนี้
    พระโสดาปัตติมรรค พระโสดาปัตติผล คู่ ๑
    พระสกทาคามิมรรค พระสกทาคามิผล คู่ ๑
    พระอนาคามิมรรค พระอนาคามิผล คู่ ๑
    พระอรหัตมรรค พระอรหัตตผล คู่ ๑ ฯ
  26. บารมี คืออะไร ? ทำอย่างไร เรียกว่าอธิษฐานบารมี ?
    ตอบ บารมี คือ ปฏิปทาอันยิ่งยวด หรือคุณธรรมที่ประพฤติอย่างยิ่งยวด ได้แก่ความดีที่บำเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด ฯ
    ทำอย่างนี้คือ ความตั้งใจมั่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว วางจุดหมายแห่งการกระทำของตนไว้แน่นอน และดำเนินตามนั้นอย่างแน่วแน่ เรียกว่า อธิษฐานบารมี ฯ
  27. ครุกรรม คืออะไร ? อนันตริยกรรม กับ สมาบัติ ๘ เป็นครุกรรมฝ่ายกุศลหรืออกุศล ?
    ตอบ ครุกรรม คือ กรรมหนัก ฯ
    อนันตริยกรรม เป็นครุกรรมฝ่ายอกุศล
    ส่วนสมาบัติ ๘ เป็นครุกรรมฝ่ายกุศล ฯ
  28. ในกรรม ๑๒ อุปัตถัมภกกรรม กับอุปปีฬกกรรม ทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?
    ตอบ อุปัตถัมภกกรรม ทำหน้าที่สนับสนุนผลแห่งชนกกรรม
    อุปปีฬกกรรม ทำหน้าที่บีบคั้นผลแห่งชนกกรรม ฯ
  29. ธุดงค์ คืออะไร ? มีกี่หมวด ? หมวดไหนว่าด้วยเรื่องอะไร ?
    ตอบ ธุดงค์ คือ วัตตจริยาพิเศษอย่างหนึ่ง เป็นอุบายขัดเกลากิเลสและเป็นไปเพื่อความมักน้อยสันโดษ ฯ มี ๔ หมวด ฯ ดังนี้
    หมวดที่ ๑ ว่าด้วยเรื่องจีวร
    หมวดที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องบิณฑบาต
    หมวดที่ ๓ ว่าด้วยเรื่องเสนาสนะ
    หมวดที่ ๔ ว่าด้วยเรื่องความเพียร ฯ
  30. ธุดงค์ ท่านบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์อะไร ? ภิกษุผู้ถือบิณฑบาต เป็นวัตรอย่างเคร่ง ท่านให้ถือปฏิบัติอย่างไร ?
    ตอบ เพื่อประโยชน์คือเป็นอุบายขัดเกลากิเลสและเป็นไปเพื่อความมักน้อยสันโดษ ฯ
    ภิกษุผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตรอย่างเคร่ง คือ เมื่อเลิกบิณฑบาต นั่งลงแล้ว แม้มีผู้มาใส่บาตรอีก ก็ไม่รับ ฯ