เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นโท - วิชาอนุพุทธะ [พระเณร]

<h1>เก็งข้อสอบวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท,แนวข้อสอบนักธรรมชั้นโท,ข้อสอบวิชาอนุพุทธประวัติ</h1>





ดาวน์โหลด หรือเปิดอ่านแบบ PDF




เก็งข้อสอบวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท,แนวข้อสอบนักธรรมชั้นโท,ข้อสอบวิชาอนุพุทธประวัติ

{getButton} $text={เรื่อง อนุพุทธประวัติ} $color={#009933}
๑. ประวัติอนุพุทธบุคคล มีความสำคัญต่อผู้ศึกษาอย่างไร ?
มีความสำคัญ คือ ทำให้ผู้ศึกษาได้รับความรู้ในจริยาวัตร และคุณความดีที่ท่านได้บำเพ็ญมาตลอด จนถึงผลงานในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาอันทำให้เจริญสืบ มาถึงทุกวันนี้ นำให้เกิดความเลื่อมใสและความนับถือเป็นทิฏฐานุคติอันดี สามารถน้อมนำมาปฏิบัติตามได้ ฯ
๒. การเรียนอนุพุทธประวัติสำเร็จประโยชน์อย่างไร ?
เพื่อจะได้ทราบความเป็นไปและปฏิปทาของท่าน ที่ได้ช่วยประกาศพระศาสนาในที่นั้น ๆ จนเป็นเหตุเจริญแพร่หลายและมั่นคง แล้วจักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านโดยควรแก่ฐานะของตน ทั้งให้สำเร็จเป็นสังฆานุสติมั่นคงอีกด้วย ฯ
๓. อนุพุทธบุคคล คือใคร ? เป็นได้เฉพาะบรรพชิตหรือเฉพาะคฤหัสถ์ ?
คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ
เป็นได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฯ
๔. สัมมาสัมพุทธะ ปัจเจกพุทธะ และอนุพุทธะ ต่างกันอย่างไร ?
สัมมาสัมพุทธะ ตรัสรู้เองโดยชอบ และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย
ปัจเจกพุทธะ ตรัสรู้เฉพาะตน แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้
อนุพุทธะ ตรัสรู้ตาม คือ มีพระพุทธเจ้าสั่งสอนจึงรู้ตามได้ และสามารถสอนผู้อื่นให้กระทำตามด้วย ฯ
๕. อนุพุทธบุคคล ท่านเหล่านั้นมีความสำคัญต่อพระศาสดาอย่างไร ?
มีความสำคัญอย่างนี้ แม้พระศาสดาได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรม แต่เมื่อขาดผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติ ความตรัสรู้ของพระองค์ ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ ฯ
๖. พุทธบริษัท ๔ ผู้เป็นอริยสาวก มีลำดับการเกิดขึ้นก่อนหลังกันอย่างไร ? บุคคลแรกของแต่ละบริษัทนั้นคือใคร ?
มีลำดับอย่างนี้ คือ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา และภิกษุณี ฯ
พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นคนแรกของภิกษุบริษัท
บิดาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสกบริษัท
มารดาและภรรยาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสิกาบริษัท
พระนางปชาบดีโคตมี เป็นคนแรกของภิกษุณีบริษัท ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระอัญญาโกณฑัญญะ} $color={#009933}
๑. พระอัญญาโกณฑัญญะ ชื่อเดิมว่าอะไร ? เกิดที่ไหน ? เรียนจบอะไร ? ทำไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ?
ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ
เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ฯ
เรียนจบไตรเพทและรู้ตำราทานายลักษณะ ฯ
เพราะอาศัยพระอุทานว่า อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ
๒. พระอัญญาโกณฑัญญะได้รับยกย่องเป็นปฐมสาวก เพราะเหตุ ?
เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อน และได้รับอุปสมบทก่อนองค์อื่น ฯ
๓. พระอัญญาโกณฑัญญะมีมูลเหตุจูงใจอะไร จึงได้ออกบวชตามอุปัฏฐากพระมหาบุรุษขณะบำเพ็ญทุกรกิริยา ?
เพราะได้เคยเข้าร่วมทำนายพระลักษณะของพระมหาบุรุษโดยเชื่อมั่นว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงตามอุปัฏฐากด้วยหวังว่า เมื่อพระมหาบุรุษตรัสรู้จักทรงเทศนาโปรด ฯ
๔. พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระอัญญาโกณฑัญญะ ว่าอย่างไร ?
ตรัสว่า “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ”
๕. พระอัญญาโกณฑัญญะสำเร็จเป็นพระอรหันต์หลังจากบวชกี่วัน ? สำเร็จเพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?
๕ วัน ฯ ชื่อ อนัตตลักขณสูตร ฯ
๖. พระอนุพุทธองค์แรก คือใคร ? ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?
คือพระอัญญาโกณฑัญญะ ฯ
เพราะฟังธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระยสะ} $color={#009933}
๑. ยสกุลบุตรได้ฟังธรรมจากพระศาสดาเป็นครั้งแรก ณ ที่ไหน ? ธรรมนั้นมีชื่อว่าอะไร ?
ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ฯ
ธรรมนั้นมีชื่อว่า อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ฯ
๒. พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพีกถาแก่ใครเป็นคนแรก ? อนุปุพพีกถานั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร ?
แสดงแก่ยสกุลบุตรเป็นคนแรก ฯ
กล่าวถึงเรื่องทาน คือการให้
กล่าวถึงเรื่องศีล คือการรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย
กล่าวถึงเรื่องสวรรค์ คือคุณที่บุคคลจะพึงได้พึงถึงด้วยกรรมอันดี คือทานและศีล
กล่าวถึงเรื่องโทษแห่งกาม และ
กล่าวถึงเรื่องอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม ฯ
๓. พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระยสะ ว่าอย่างไร ? เพราะเหตุไร ?
ตรัสว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด” โดยไม่มีคำว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ”
เพราะท่านบรรลุพระอรหันต์แล้ว ฯ
๔. พระยสะออกบวช เพราะเหตุไร ?
เพราะมีความเบื่อหน่ายในการครองฆราวาส เนื่องจากได้เห็นอาการของ พวกชนบริวารอันวิปริตไปโดยอาการต่างๆ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการยังจิตให้ เพลิดเพลิน จึงได้เดินออกจากเรือนไปพบพระพุทธองค์ได้ฟังพระธรรมเทศนา จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงได้ออกบวช ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระสารีบุตร} $color={#009933}
๑. พระสารีบุตรได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที จงเล่าเรื่องมาประกอบสัก ๑ เรื่อง เพื่อยืนยันคำกล่าวนี้
เรื่องที่ ๑ พระสารีบุตรนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์ เมื่ออาจารย์อยู่ในทิศใด ก่อนจะนอน ท่านจะนมัสการและนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น ฯ
เรื่องที่ ๒ ราธพราหมณ์เสียใจมากจนมีร่างกายซูบผอม เพราะไม่ได้อุปสมบทตามปรารถนา พระศาสดาทรงทราบความแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า มีใครระลึกถึงอุปการะของราธะได้บ้าง, พระสารีบุตรทูลว่า ราธพราหมณ์เคยถวายอาหารแก่ท่านทัพพีหนึ่ง พระศาสดาตรัสสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูดีนัก อุปการะเพียงเท่านี้ก็ยังจำได้ ฯ
๒. อุปติสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพราะได้ฟังธรรมจากใคร ? มีใจความว่าอย่างไร ?
จากพระอัสสชิ ฯ
มีใจความว่า ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และเหตุแห่งความดับของธรรมเหล่านั้น พระศาสดามีปกติตรัสอย่างนี้ ฯ
๓. “คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง ๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือ จักล่วงไปหมด ” นี้เป็นคำพูดของใคร ? พูดกะใคร ?
เป็นคำพูดของอุปติสสมานพ ฯ
พูดกับโกลิตมาณพ ฯ (พระสารีบุตรพูดกับพระโมคคัลลานะ)
๔. ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไร จึงมีนามเช่นนั้น ?
ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ
เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการ ประกาศพระพุทธศาสนา ฯ
๕. พระสาวกองค์ใด เมื่อทราบว่าพระอาจารย์ของตนอยู่ในทิศใดก็นอนหันศรีษะไปทางทิศนั้น ? การปฏิบัติเช่นนั้นจัดเป็นคุณธรรมอะไร ?
พระสารีบุตร ฯ จัดเป็นกตัญญู ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระอุรุเวลกัสสปะ} $color={#009933}
๑. พระอุรุเวลกัสสปะ ได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นเลิศทางใด ?
ว่า เป็นผู้มีบริวารมาก ฯ
๒. ความเป็นผู้มีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร ? และดีอย่างไร ?
เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง ฯ
ดีอย่างนี้คือ ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้อันบริษัทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบริษัทไว้อยู่ เป็นผู้อันจะพึงปรารถนา ในสาวกมณฑล ฯ
๓. พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ?
พระอุรุเวลกัสสปะเห็นอภินิหารของพระพุทธองค์หลายประการ จนถอนทิฏฐิมานะของตน เห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท ฯ
๔. พระพุทธองค์ทรงพาพระอุรุเวลกัสสปะไปกรุงราชคฤห์ด้วย เพราะทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร ?
ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน เพราะท่านเป็นที่นับถือของมหาชนมานาน ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระมหากัสสปะ} $color={#009933}
๑. พระมหากัสสปะโดยปกติถือธุดงค์กี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ถือธุดงค์ ๓ อย่าง ฯ คือ
๑. ใช้ผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร
๒. ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
๓. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ฯ
๒. พระโอวาทที่พระศาสดาทรงประทานในการให้อุปสมบทแก่พระมหากัสสปะมีกี่ข้อ ? อะไรบ้าง ?
มี ๓ ข้อ ฯ คือ
๑. เราจักเข้าไปตั้งความละอาย และความยำเกรงอย่างแรงกล้าไว้ในภิกษุทั้งที่เป็นเถระ ทั้งที่เป็นเถระปานกลาง และผู้ใหม่
๒. เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมนั้น
๓. เราจักไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ ฯ
๓. พระมหากัสสปะ ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางไหน ? เพราะเหตุใด ?
ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ ฯ
เพราะท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจำ คือ
๑. ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร
๒. เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
๓. อยู่ป่าเป็นวัตร ๑ ฯ
๔. พระมหากัสสปะ ท่านปรารภเหตุว่าอย่างไร จึงออกบวชในพระพุทธศาสนา ?
ท่านปรารภเหตุว่า “ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป เพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี” แล้วมีใจเบื่อหน่ายสละทรัพย์สมบัติออกบวช ฯ
๕. พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกที่ไหน ? ใช้เวลานานเท่าไร ?
ที่ถ้ำสัตตบัณณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ฯ
ใช้เวลา ๗ เดือน ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระมหากัจจายนะ} $color={#009933}
๑. การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร ?
มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี จึงทูลลาบวชด้วย ครั้นได้เข้าเฝ้าฟังธรรมแล้ว บรรลุพระอรหัต จึงทูลขอบวช ฯ
๒. พระสาวกผู้แสดงความไม่ต่างกันแห่งวรรณะ ๔ เหล่า คือใคร ? แสดงแก่ใคร ? ที่ไหน ? พระสูตรนั้นชื่ออะไร ?
คือ พระมหากัจจายนะเป็นผู้แสดง ฯ
แก่พระเจ้ามธุรราช อวันตีบุตร ฯ
ที่คุนธาวัน แขวงมธุรราชธานี ฯ
พระสูตรนั้นชื่อว่า มธุรสูตร ฯ
๓. พระมหากัจจายนะ นิพพานก่อนหรือหลังพระพุทธเจ้า ? มีอะไรเป็นข้ออ้าง ?
พระมหากัจจายนะ นิพพานหลังพระพุทธเจ้า
มีมธุรสูตรเป็นข้ออ้าง โดยมีใจความตอนหนึ่งในพระสูตรนั้นว่า พระเจ้ามธุรราชตรัสถามว่า เดี๋ยวนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า นั้นเสด็จอยู่ ณ ที่ไหน พระมหากัจจายนะทูลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ฯ
๔. พระสาวก ผู้อธิบายแสดงธรรมโดยย่อให้พิสดาร คือ ใคร ? ท่านได้รับการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร ?
คือ พระมหากัจจายนะ ฯ
ท่านได้รับสรรเสริญจากพระศาสดาว่า เป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคำที่ย่อให้พิสดาร ฯ



{getButton} $text={เรื่อง พระรัฐบาล} $color={#009933}
๑. พระรัฐบาลแสดงธรรมุทเทศ มีอะไรบ้าง ? ท่านแสดงแก่ใคร ?
มี ๔ ข้อคือ
๑. โลกคือหมู่สัตว์ อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน
๒. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน
๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของๆ ตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป
๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ฯ
ท่านแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ ฯ
๒. พระสาวกที่บวชเพราะศรัทธา คือใคร ?
คือ พระรัฐบาล



{getButton} $text={เรื่อง พระโมฆราช} $color={#009933}
๑. พระโมฆราช ได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางไหน ?
พระโมฆราช ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง ฯ
๒. พระโมฆราชทูลถามปัญหาพระพุทธองค์เป็นคนที่เท่าไร ? เพราะเหตุไร ?
เป็นคนที่ ๑๕ ฯ
เพราะครั้งแรกเห็นว่าท่านอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงยอมให้ถามก่อน แต่เมื่อปรารภจะทูลถามเป็นคนที่ ๒ และคนที่ ๙ ถูกพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่ ๑๕ ฯ
๓. คำถามว่า “ข้าพเจ้าจักพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น” พระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้อย่างไร ?
พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่าเป็นตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจักข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มันจุราชจึงไม่แลเห็นเห็น ฯ



{getButton} $text={เรื่อง ชฏิล ๓ พี่น้อง} $color={#009933}
๑. ชฎิล ๓ พี่น้อง ตั้งอาศรมบูชาไฟอยู่ ณ สถานที่ใด ?
๑. อุรุเวลกัสสปะ ตั้งอาศรมอยู่ที่ตำบลอุรุเวลา
๒. นทีกัสสปะ ตั้งอาศรมอยู่ลำน้ำอ้อมหรือคุ้งแห่งแม่คงคา
๓. คยากัสสปะ ตั้งอาศรมอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ฯ
๒. อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ? ทรงแสดงแก่ใคร ?
ว่าด้วยเรื่อง สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือราคะโทสะโมหะ ฯ
ทรงแสดงแก่ชฎิล ๓ พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ
๓. พระศาสดาทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรโปรดพวกชฎิล เพราะเหตุไร ?
เพราะเป็นพระสูตรที่เหมาะแก่จริตของพวกชฎิล ผู้อบรมมาในการบูชาเพลิง ฯ
๔. ชฏิล ๓ พี่น้อง ต่างละทิ้งลัทธิของตน บวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ?
อุรุเวลกัสสปะ ถือตัวว่าเป็นผู้วิเศษ แต่พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ทรมานจนถอนทิฏฐิมานะ ได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ ตนมิได้เป็นผู้วิเศษแต่ประการใด ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท,
ส่วนนทีกัสสปะ และ คยากัสสปะ เห็นพี่ชายถือเพศเป็นภิกษุ ถามทราบความว่า พรหมจรรย์นี้ประเสริฐ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทูลขออุปสมบทฯ
๕. ชฎิล ๓ พี่น้อง ได้บรรลุพระอรหัตต์เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?
เพราะได้ฟังธรรมชื่อว่า อาทิตตปริยายสูตร ฯ



{getButton} $text={เรื่อง ปัญจวัคคีย์ ๕} $color={#009933}
๑. พระปัญจวัคคีย์ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ด้วยพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ? ความย่อว่าอย่างไร ?
ชื่อ อนัตตลักขณสูตร ฯ
ความย่อว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯ
๒. ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนหลังกันอย่างไร ?
ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นองค์แรก ต่อมาท่านวัปปะและท่านภัททิยะจึงได้ และต่อมาท่านมหานามะและท่านอัสสชิจึงได้ตามลำดับ ฯ
๓. พระปัญจวัคคีย์องค์ไหนบ้างได้ศิษย์ดีมีความสำคัญต่อพระศาสนา ? ศิษย์นั้นชื่ออะไร และเป็นผู้เลิศในทางใด ?
พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้พระปุณณนมันตานีบุตรเป็นศิษย์เป็นผู้เลิศในทางธรรมกถึก
พระอัสสชิ ได้พระสารีบุตรเป็นศิษย์ เป็นผู้เลิศในทางมีปัญญามาก ฯ
๔. พระอรหันต์ ๖๐ องค์ ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระศาสนาครั้งแรกมีใครบ้าง ?
มีพระปัญจวัคคีย์ ๕ พระยสะ ๑ สหายของพระยสะที่ปรากฏนาม ๔ และที่ไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ ฯ
๕. อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ? ทรงแสดงแก่ใคร ?
ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา
ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ ฯ



{getButton} $text={เรื่อง ศิษย์พราหมณ์พาวรี} $color={#009933}
๑. มาณพทั้ง ๑๖ คนผู้ทูลถามปัญหากะพระพุทธองค์ เป็นศิษย์ของใคร ? ท่านตั้งสำนักอยู่ที่ไหน ?
พราหมณ์พาวรี ฯ
อยู่ที่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำโคธาวรี ระหว่างเมืองอัสสกะกับเมืองอาฬกะ ฯ
๒. ทั้งอาจารย์พราหมณ์พาวรีและลูกศิษย์ ๑๖ คน ฟังพุทธพยากรณ์แล้วได้บรรลุผลอะไร ?
ผู้เป็นอาจารย์ได้บรรลุเสขภูมิ ฯ
ศิษย์ ๑๕ คน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ฯ
เฉพาะปิงคิยมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ
๓. “โลกคือหมู่สัตว์อันอะไรปิดบังไว้จึงหลงอยู่ในที่มืด” ดังนี้ ใครเป็นผู้ถาม ? และพระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร ?
อชิตมาณพเป็นผู้ถาม ฯ
ทรงพยากรณ์ว่า โลกคือหมู่สัตว์ อันอวิชชาคือความไม่รู้แจ้งปิดบังไว้จึงหลงดุจอยู่ในที่มืด ฯ
๔. โลกมีอะไรผูกพันไว้ อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่า นิพพานๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้ ? ปัญหานี้ใครทูลถาม ?
โลกมีความเพลิดเพลินผูกพันไว้ ความตรึกเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่านิพพานๆ ดังนี้ เพราะละตัณหาเสียได้ ฯ
อุทยมาณพเป็นผู้ทูลถาม ฯ
๕. “หมู่มนุษย์ในโลกนี้ อาศัยอะไรจึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา” นี่เป็นปัญหาของใคร ? และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าอย่างไร ?
เป็นปัญหาของปุณณกมาณพ ฯ
ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า หมู่มนุษย์เหล่านั้น อยากได้ของที่ตนปรารถนาอาศัยของที่มีชราทรุดโทรม จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ฯ

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า
ADVERTISMENT