ดาวน์โหลด หรือเปิดอ่านแบบ PDF
๑. | ประวัติอนุพุทธบุคคล มีความสำคัญต่อผู้ศึกษาอย่างไร ? มีความสำคัญ คือ ทำให้ผู้ศึกษาได้รับความรู้ในจริยาวัตร และคุณความดีที่ท่านได้บำเพ็ญมาตลอด จนถึงผลงานในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาอันทำให้เจริญสืบ มาถึงทุกวันนี้ นำให้เกิดความเลื่อมใสและความนับถือเป็นทิฏฐานุคติอันดี สามารถน้อมนำมาปฏิบัติตามได้ ฯ |
๒. | การเรียนอนุพุทธประวัติสำเร็จประโยชน์อย่างไร ? เพื่อจะได้ทราบความเป็นไปและปฏิปทาของท่าน ที่ได้ช่วยประกาศพระศาสนาในที่นั้น ๆ จนเป็นเหตุเจริญแพร่หลายและมั่นคง แล้วจักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านโดยควรแก่ฐานะของตน ทั้งให้สำเร็จเป็นสังฆานุสติมั่นคงอีกด้วย ฯ |
๓. | อนุพุทธบุคคล คือใคร ? เป็นได้เฉพาะบรรพชิตหรือเฉพาะคฤหัสถ์ ? คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ เป็นได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฯ |
๔. | สัมมาสัมพุทธะ ปัจเจกพุทธะ และอนุพุทธะ ต่างกันอย่างไร ? สัมมาสัมพุทธะ ตรัสรู้เองโดยชอบ และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย ปัจเจกพุทธะ ตรัสรู้เฉพาะตน แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ อนุพุทธะ ตรัสรู้ตาม คือ มีพระพุทธเจ้าสั่งสอนจึงรู้ตามได้ และสามารถสอนผู้อื่นให้กระทำตามด้วย ฯ |
๕. | อนุพุทธบุคคล ท่านเหล่านั้นมีความสำคัญต่อพระศาสดาอย่างไร ? มีความสำคัญอย่างนี้ แม้พระศาสดาได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรม แต่เมื่อขาดผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติ ความตรัสรู้ของพระองค์ ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ ฯ |
๖. | พุทธบริษัท ๔ ผู้เป็นอริยสาวก มีลำดับการเกิดขึ้นก่อนหลังกันอย่างไร ? บุคคลแรกของแต่ละบริษัทนั้นคือใคร ? มีลำดับอย่างนี้ คือ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา และภิกษุณี ฯ พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นคนแรกของภิกษุบริษัท บิดาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสกบริษัท มารดาและภรรยาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสิกาบริษัท พระนางปชาบดีโคตมี เป็นคนแรกของภิกษุณีบริษัท ฯ |
๑. | พระอัญญาโกณฑัญญะ ชื่อเดิมว่าอะไร ? เกิดที่ไหน ? เรียนจบอะไร ? ทำไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ? ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ฯ เรียนจบไตรเพทและรู้ตำราทานายลักษณะ ฯ เพราะอาศัยพระอุทานว่า อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ |
๒. | พระอัญญาโกณฑัญญะได้รับยกย่องเป็นปฐมสาวก เพราะเหตุ ? เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อน และได้รับอุปสมบทก่อนองค์อื่น ฯ |
๓. | พระอัญญาโกณฑัญญะมีมูลเหตุจูงใจอะไร จึงได้ออกบวชตามอุปัฏฐากพระมหาบุรุษขณะบำเพ็ญทุกรกิริยา ? เพราะได้เคยเข้าร่วมทำนายพระลักษณะของพระมหาบุรุษโดยเชื่อมั่นว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงตามอุปัฏฐากด้วยหวังว่า เมื่อพระมหาบุรุษตรัสรู้จักทรงเทศนาโปรด ฯ |
๔. | พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระอัญญาโกณฑัญญะ ว่าอย่างไร ? ตรัสว่า “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ” |
๕. | พระอัญญาโกณฑัญญะสำเร็จเป็นพระอรหันต์หลังจากบวชกี่วัน ? สำเร็จเพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ? ๕ วัน ฯ ชื่อ อนัตตลักขณสูตร ฯ |
๖. | พระอนุพุทธองค์แรก คือใคร ? ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ? คือพระอัญญาโกณฑัญญะ ฯ เพราะฟังธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ฯ |
๑. | ยสกุลบุตรได้ฟังธรรมจากพระศาสดาเป็นครั้งแรก ณ ที่ไหน ? ธรรมนั้นมีชื่อว่าอะไร ? ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ฯ ธรรมนั้นมีชื่อว่า อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ฯ |
๒. | พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพีกถาแก่ใครเป็นคนแรก ? อนุปุพพีกถานั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร ? แสดงแก่ยสกุลบุตรเป็นคนแรก ฯ กล่าวถึงเรื่องทาน คือการให้ กล่าวถึงเรื่องศีล คือการรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย กล่าวถึงเรื่องสวรรค์ คือคุณที่บุคคลจะพึงได้พึงถึงด้วยกรรมอันดี คือทานและศีล กล่าวถึงเรื่องโทษแห่งกาม และ กล่าวถึงเรื่องอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม ฯ |
๓. | พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระยสะ ว่าอย่างไร ? เพราะเหตุไร ? ตรัสว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด” โดยไม่มีคำว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ” เพราะท่านบรรลุพระอรหันต์แล้ว ฯ |
๔. | พระยสะออกบวช เพราะเหตุไร ? เพราะมีความเบื่อหน่ายในการครองฆราวาส เนื่องจากได้เห็นอาการของ พวกชนบริวารอันวิปริตไปโดยอาการต่างๆ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการยังจิตให้ เพลิดเพลิน จึงได้เดินออกจากเรือนไปพบพระพุทธองค์ได้ฟังพระธรรมเทศนา จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงได้ออกบวช ฯ |
๑. | พระสารีบุตรได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที จงเล่าเรื่องมาประกอบสัก ๑ เรื่อง เพื่อยืนยันคำกล่าวนี้ เรื่องที่ ๑ พระสารีบุตรนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์ เมื่ออาจารย์อยู่ในทิศใด ก่อนจะนอน ท่านจะนมัสการและนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น ฯ เรื่องที่ ๒ ราธพราหมณ์เสียใจมากจนมีร่างกายซูบผอม เพราะไม่ได้อุปสมบทตามปรารถนา พระศาสดาทรงทราบความแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า มีใครระลึกถึงอุปการะของราธะได้บ้าง, พระสารีบุตรทูลว่า ราธพราหมณ์เคยถวายอาหารแก่ท่านทัพพีหนึ่ง พระศาสดาตรัสสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูดีนัก อุปการะเพียงเท่านี้ก็ยังจำได้ ฯ |
๒. | อุปติสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพราะได้ฟังธรรมจากใคร ? มีใจความว่าอย่างไร ? จากพระอัสสชิ ฯ มีใจความว่า ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และเหตุแห่งความดับของธรรมเหล่านั้น พระศาสดามีปกติตรัสอย่างนี้ ฯ |
๓. | “คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง ๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือ จักล่วงไปหมด ” นี้เป็นคำพูดของใคร ? พูดกะใคร ? เป็นคำพูดของอุปติสสมานพ ฯ พูดกับโกลิตมาณพ ฯ (พระสารีบุตรพูดกับพระโมคคัลลานะ) |
๔. | ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไร จึงมีนามเช่นนั้น ? ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการ ประกาศพระพุทธศาสนา ฯ |
๕. | พระสาวกองค์ใด เมื่อทราบว่าพระอาจารย์ของตนอยู่ในทิศใดก็นอนหันศรีษะไปทางทิศนั้น ? การปฏิบัติเช่นนั้นจัดเป็นคุณธรรมอะไร ? พระสารีบุตร ฯ จัดเป็นกตัญญู ฯ |
๑. | พระอุรุเวลกัสสปะ ได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นเลิศทางใด ? ว่า เป็นผู้มีบริวารมาก ฯ |
๒. | ความเป็นผู้มีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร ? และดีอย่างไร ? เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง ฯ ดีอย่างนี้คือ ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้อันบริษัทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบริษัทไว้อยู่ เป็นผู้อันจะพึงปรารถนา ในสาวกมณฑล ฯ |
๓. | พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ? พระอุรุเวลกัสสปะเห็นอภินิหารของพระพุทธองค์หลายประการ จนถอนทิฏฐิมานะของตน เห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท ฯ |
๔. | พระพุทธองค์ทรงพาพระอุรุเวลกัสสปะไปกรุงราชคฤห์ด้วย เพราะทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร ? ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน เพราะท่านเป็นที่นับถือของมหาชนมานาน ฯ |
๑. | พระมหากัสสปะโดยปกติถือธุดงค์กี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? ถือธุดงค์ ๓ อย่าง ฯ คือ ๑. ใช้ผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๒. ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๓. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ฯ |
๒. | พระโอวาทที่พระศาสดาทรงประทานในการให้อุปสมบทแก่พระมหากัสสปะมีกี่ข้อ ? อะไรบ้าง ? มี ๓ ข้อ ฯ คือ ๑. เราจักเข้าไปตั้งความละอาย และความยำเกรงอย่างแรงกล้าไว้ในภิกษุทั้งที่เป็นเถระ ทั้งที่เป็นเถระปานกลาง และผู้ใหม่ ๒. เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมนั้น ๓. เราจักไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ ฯ |
๓. | พระมหากัสสปะ ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางไหน ? เพราะเหตุใด ? ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ ฯ เพราะท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจำ คือ ๑. ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๒. เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๓. อยู่ป่าเป็นวัตร ๑ ฯ |
๔. | พระมหากัสสปะ ท่านปรารภเหตุว่าอย่างไร จึงออกบวชในพระพุทธศาสนา ? ท่านปรารภเหตุว่า “ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป เพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี” แล้วมีใจเบื่อหน่ายสละทรัพย์สมบัติออกบวช ฯ |
๕. | พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกที่ไหน ? ใช้เวลานานเท่าไร ? ที่ถ้ำสัตตบัณณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ฯ ใช้เวลา ๗ เดือน ฯ |
๑. | การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร ? มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี จึงทูลลาบวชด้วย ครั้นได้เข้าเฝ้าฟังธรรมแล้ว บรรลุพระอรหัต จึงทูลขอบวช ฯ |
๒. | พระสาวกผู้แสดงความไม่ต่างกันแห่งวรรณะ ๔ เหล่า คือใคร ? แสดงแก่ใคร ? ที่ไหน ? พระสูตรนั้นชื่ออะไร ? คือ พระมหากัจจายนะเป็นผู้แสดง ฯ แก่พระเจ้ามธุรราช อวันตีบุตร ฯ ที่คุนธาวัน แขวงมธุรราชธานี ฯ พระสูตรนั้นชื่อว่า มธุรสูตร ฯ |
๓. | พระมหากัจจายนะ นิพพานก่อนหรือหลังพระพุทธเจ้า ? มีอะไรเป็นข้ออ้าง ? พระมหากัจจายนะ นิพพานหลังพระพุทธเจ้า มีมธุรสูตรเป็นข้ออ้าง โดยมีใจความตอนหนึ่งในพระสูตรนั้นว่า พระเจ้ามธุรราชตรัสถามว่า เดี๋ยวนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า นั้นเสด็จอยู่ ณ ที่ไหน พระมหากัจจายนะทูลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ฯ |
๔. | พระสาวก ผู้อธิบายแสดงธรรมโดยย่อให้พิสดาร คือ ใคร ? ท่านได้รับการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร ? คือ พระมหากัจจายนะ ฯ ท่านได้รับสรรเสริญจากพระศาสดาว่า เป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคำที่ย่อให้พิสดาร ฯ |
๑. | พระรัฐบาลแสดงธรรมุทเทศ มีอะไรบ้าง ? ท่านแสดงแก่ใคร ? มี ๔ ข้อคือ ๑. โลกคือหมู่สัตว์ อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน ๒. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน ๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของๆ ตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป ๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ฯ ท่านแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ ฯ |
๒. | พระสาวกที่บวชเพราะศรัทธา คือใคร ? คือ พระรัฐบาล |
๑. | พระโมฆราช ได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางไหน ? พระโมฆราช ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง ฯ |
๒. | พระโมฆราชทูลถามปัญหาพระพุทธองค์เป็นคนที่เท่าไร ? เพราะเหตุไร ? เป็นคนที่ ๑๕ ฯ เพราะครั้งแรกเห็นว่าท่านอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงยอมให้ถามก่อน แต่เมื่อปรารภจะทูลถามเป็นคนที่ ๒ และคนที่ ๙ ถูกพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่ ๑๕ ฯ |
๓. | คำถามว่า “ข้าพเจ้าจักพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น” พระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้อย่างไร ? พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่าเป็นตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจักข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มันจุราชจึงไม่แลเห็นเห็น ฯ |
๑. | ชฎิล ๓ พี่น้อง ตั้งอาศรมบูชาไฟอยู่ ณ สถานที่ใด ? ๑. อุรุเวลกัสสปะ ตั้งอาศรมอยู่ที่ตำบลอุรุเวลา ๒. นทีกัสสปะ ตั้งอาศรมอยู่ลำน้ำอ้อมหรือคุ้งแห่งแม่คงคา ๓. คยากัสสปะ ตั้งอาศรมอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ฯ |
๒. | อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ? ทรงแสดงแก่ใคร ? ว่าด้วยเรื่อง สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือราคะโทสะโมหะ ฯ ทรงแสดงแก่ชฎิล ๓ พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ |
๓. | พระศาสดาทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรโปรดพวกชฎิล เพราะเหตุไร ? เพราะเป็นพระสูตรที่เหมาะแก่จริตของพวกชฎิล ผู้อบรมมาในการบูชาเพลิง ฯ |
๔. | ชฏิล ๓ พี่น้อง ต่างละทิ้งลัทธิของตน บวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ? อุรุเวลกัสสปะ ถือตัวว่าเป็นผู้วิเศษ แต่พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ทรมานจนถอนทิฏฐิมานะ ได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ ตนมิได้เป็นผู้วิเศษแต่ประการใด ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท, ส่วนนทีกัสสปะ และ คยากัสสปะ เห็นพี่ชายถือเพศเป็นภิกษุ ถามทราบความว่า พรหมจรรย์นี้ประเสริฐ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทูลขออุปสมบทฯ |
๕. | ชฎิล ๓ พี่น้อง ได้บรรลุพระอรหัตต์เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ? เพราะได้ฟังธรรมชื่อว่า อาทิตตปริยายสูตร ฯ |
๑. | พระปัญจวัคคีย์ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ด้วยพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ? ความย่อว่าอย่างไร ? ชื่อ อนัตตลักขณสูตร ฯ ความย่อว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯ |
๒. | ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนหลังกันอย่างไร ? ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นองค์แรก ต่อมาท่านวัปปะและท่านภัททิยะจึงได้ และต่อมาท่านมหานามะและท่านอัสสชิจึงได้ตามลำดับ ฯ |
๓. | พระปัญจวัคคีย์องค์ไหนบ้างได้ศิษย์ดีมีความสำคัญต่อพระศาสนา ? ศิษย์นั้นชื่ออะไร และเป็นผู้เลิศในทางใด ? พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้พระปุณณนมันตานีบุตรเป็นศิษย์เป็นผู้เลิศในทางธรรมกถึก พระอัสสชิ ได้พระสารีบุตรเป็นศิษย์ เป็นผู้เลิศในทางมีปัญญามาก ฯ |
๔. | พระอรหันต์ ๖๐ องค์ ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระศาสนาครั้งแรกมีใครบ้าง ? มีพระปัญจวัคคีย์ ๕ พระยสะ ๑ สหายของพระยสะที่ปรากฏนาม ๔ และที่ไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ ฯ |
๕. | อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ? ทรงแสดงแก่ใคร ? ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ ฯ |
๑. | มาณพทั้ง ๑๖ คนผู้ทูลถามปัญหากะพระพุทธองค์ เป็นศิษย์ของใคร ? ท่านตั้งสำนักอยู่ที่ไหน ? พราหมณ์พาวรี ฯ อยู่ที่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำโคธาวรี ระหว่างเมืองอัสสกะกับเมืองอาฬกะ ฯ |
๒. | ทั้งอาจารย์พราหมณ์พาวรีและลูกศิษย์ ๑๖ คน ฟังพุทธพยากรณ์แล้วได้บรรลุผลอะไร ? ผู้เป็นอาจารย์ได้บรรลุเสขภูมิ ฯ ศิษย์ ๑๕ คน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ฯ เฉพาะปิงคิยมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ |
๓. | “โลกคือหมู่สัตว์อันอะไรปิดบังไว้จึงหลงอยู่ในที่มืด” ดังนี้ ใครเป็นผู้ถาม ? และพระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร ? อชิตมาณพเป็นผู้ถาม ฯ ทรงพยากรณ์ว่า โลกคือหมู่สัตว์ อันอวิชชาคือความไม่รู้แจ้งปิดบังไว้จึงหลงดุจอยู่ในที่มืด ฯ |
๔. | โลกมีอะไรผูกพันไว้ อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่า นิพพานๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้ ? ปัญหานี้ใครทูลถาม ? โลกมีความเพลิดเพลินผูกพันไว้ ความตรึกเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่านิพพานๆ ดังนี้ เพราะละตัณหาเสียได้ ฯ อุทยมาณพเป็นผู้ทูลถาม ฯ |
๕. | “หมู่มนุษย์ในโลกนี้ อาศัยอะไรจึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา” นี่เป็นปัญหาของใคร ? และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าอย่างไร ? เป็นปัญหาของปุณณกมาณพ ฯ ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า หมู่มนุษย์เหล่านั้น อยากได้ของที่ตนปรารถนาอาศัยของที่มีชราทรุดโทรม จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ฯ |