๑. | ข้อใด เป็นธรรมมีอุปการะมาก ? ก. สติ สัมปชัญญะ ข. หิริ โอตตัปปะ ค. ขันติ โสรัจจะ ง. กตัญญู กตเวที |
๒. | คนที่ทำ พูด คิด ผิดพลาดอยู่เสมอเพราะขาดธรรมข้อใด ? ก. สติ สัมปชัญญะ ข. หิริ โอตตัปปะ ค. ขันติ โสรัจจะ ง. กตัญญู กตเวที |
๓. | ข้อใดเป็นความหมายของสติ ? ก. ความระลึกได้ ข. ความรู้ตัว ค. ความรอบรู้ ง. ความจำได้ |
๔. | สติ ควรใช้เวลาไหน ? ก. ขณะทำพูดคิด ข. ก่อนทำพูดคิด ค. หลังทำพูดคิด ง. ทำพูดคิดแล้ว |
๕. | เราควรใช้สัมปชัญญะเมื่อใด ? ก. ขณะทำ พูด คิด ข. ก่อนทำ พูด คิด ค. หลังทำ พูด คิด ง. ก่อนทำ ขณะพูด คิด |
๖. | ข้อใดเป็นลักษณะของคนมีสัมปชัญญะ ? ก. กล้าหาญอดทน ข. ซื่อสัตย์สุจริต ค. ไม่ประมาท ง. อายชั่วกลัวบาป |
๗. | คนขาดสติสัมปชัญญะมีลักษณะเช่นไร ? ก. โงเขลา ข. ประมาท ค. ขาดความละอาย ง. ไร้ความรับผิดชอบ |
๘. | สัมปชัญญะ มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. ความระลึกได้ ข. ความรู้ตัว ค. ความรอบรู้ ง. ความทรงจำ |
๙. | ผู้มีความรอบคอบทำงานไม่ผิดพลาด เพราะมีธรรมอะไร ? ก. หิริโอตตัปปะ ข. ขันติโสรัจจะ ค. สติสัมปชัญญะ ง. กตัญญูกตเวที |
๑๐. | พหุปการธรรม หมายถึงข้อใด ? ก. หิริ โอตตัปปะ ข. ขันติ โสรัจจะ ค. กตัญญู กตเวที ง. สติ สัมปชัญญะ |
๑๑. | บุคคลใดควรใช้สติสัมปชัญญะมากที่สุด ? ก. คนข้ามถนน ข. คนขับรถ ค. คนซื้อสลาก ง. คนขายสลาก |
๑๒. | คำว่า พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้ เพราะขาดธรรมใด ? ก. สติ ข. ศีล ค. สมาธิ ง. ปัญญา |
๑๓. | ธรรมใด เป็นอุปมาดุจหางเสือเรือ ? ก. หิริ ข. โอตตัปปะ ค. สติ ง. ขันติ |
๑. | ธรรมข้อใดเป็นพื้นฐานให้คนมีศีล ? ก. สติ สัมปชัญญะ ข. ขันติ โสรัจจะ ค. หิริ โอตตัปปะ ง. กตัญญู กตเวที |
๒. | หิริโอตตัปปะ จัดเป็นธรรมอะไร ? ก. มีอุปการะมาก ข. คุ้มครองโลก ค. ธรรมอันทำให้งาม ง. ธรรมของโลก |
๓. | คนมีหิริมีลักษณะเช่นใด ? ก. รังเกียจคนชั่ว ข. ละอายบาป ค. เกรงกลัวบาป ง. เกรงกลัวคนชั่ว |
๔. | คนมีโอตตัปปะมีลักษณะเช่นใด ? ก. รังเกียจคนชั่ว ข. ละอายบาป ค. เกรงกลัวบาป ง. เกรงกลัวคนชั่ว |
๕. | ธรรมคุ้มครองโลก หมายถึงธรรมประเภทใด ? ก. พหุปการธรรม ข. ธรรมเป็นโลกบาล ค. โสภณธรรม ง. ทุลลภบุคคล |
๖. | หิริโอตตัปปะ เรียกอีกอย่างว่าอะไร ? ก. พหุปการธรรม ข. โสภณธรรม ค. สุกกธรรม ง. ทุลลภบุคคล |
๗. | อยากเป็นเทวดา ควรประพฤติธรรมใด ? ก. สติสัมปชัญญะ ข. หิริ โอตตัปปะ ค. ขันติ โสรัจจะ ง. กตัญญู กตเวที |
๘. | ละอายชั่วกลัวบาป เป็นความหมายของธรรมใด ? ก. หิริ โอตตัปปะ ข. สติ สัมปชัญญะ ค. ขันติ โสรัจจะ ง. กตัญญู กตเวที |
๙. | เทวธรรม หมายถึงข้อใด ? ก. สติสัมปชัญญะ ข. หิริโอตตัปปะ ค. ขันติโสรัจจะ ง. กตัญญูกตเวที |
๑. | ธรรมข้อใดทำให้งดงามทั้งภายในภายนอก ? ก. หิริ โอตตัปปะ ข. สติ สัมปชัญญะ ค. ขันติ โสรัจจะ ง. กตัญญู กตเวที |
๒. | ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของขันติ ? ก. ทนทำงาน ข. ทนลำบาก ค. ทนหิว ง. ทนเล่นเกมส์ |
๓. | ผู้ถูกดูหมิ่นให้เจ็บใจแต่ยิ้มแย้มได้ เพราะมีธรรมข้อใด ? ก. หิริ ข. สติ ค. โสรัจจะ ง. ขันติ |
๔. | ความงามในข้อใดสำคัญที่สุด ? ก. งามจิตใจ ข. งามมารยาท ค. งามกาย ง. งามเครื่องประดับ |
๕. | ข้อใดเป็นลักษณะของผู้มีความงามตามหลักธรรม ? ก. ไม่ยินดียินร้าย ข. อดกลั้นไม่หวั่นไหว ค. ไม่กระวนกระวาย ง. ไม่ตื่นตระหนก |
๖. | อาภรณ์แต่งกาย แต่ใจแต่งด้วยธรรม หมายถึงข้อใด ? ก. สติสัมปชัญญะ ข. หิริโอตตัปปะ ค. ขันติโสรัจจะ ง. เมตตากรุณา |
๗. | งามอะไรไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ? ก. เสื้อผ้า ข. กิริยา ค. หน้าตา ง. คุณธรรม |
๘. | คนมีขันติ มีลักษณะเช่นใด ? ก. ทนต่อการศึกษา ข. ทนเล่นเกมส์ ค. ทนดูหนัง ง. ทนดูกีฬา |
๙. | อดทนต่อการเจ็บป่วย จัดเป็นความอดทนในเรื่องใด ? ก. ความลำบาก ข. ทุกขเวทนา ค. ความเจ็บใจ ง. อำนาจกิเลส |
๑๐. | ขันติโสรัจจะ เรียกอีกอย่างว่าอะไร ? ก. โสภณธรรม ข. พหุปการธรรม ค. สุกกธรรม ง. เทวธรรม |
๑. | ผู้ทำอุปการะก่อน เรียกว่าอะไร ? ก. กตัญญู ข. กตเวที ค. กตัญญูกตเวที ง. บุพพการี |
๒. | ผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วตอบแทน เรียกว่าอะไร ? ก. กตัญญู ข. กตเวที ค. กตัญญูกตเวที ง. บุพพการี |
๓. | คนเรามักลืมบุญคุณผู้อื่น พระพุทธศาสนาจึงสอนเรื่องใด ? ก. ความมีเมตตา ข. ความซื่อสัตย์ ค. ความเสียสละ ง. ความกตัญญู |
๔. | บุพพการีชน หมายถึงใคร ? ก. พระมหากษัตริย์ ข. บิดามารดา ค. ครูอาจารย์ ง. ถูกทุกข้อ |
๕. | ผู้ทำอุปการะโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คือใคร ? ก. เพื่อนสนิท ข. ญาติสนิท ค. บุตรธิดา ง. บิดามารดา |
๖. | คำว่า พระในบ้าน หมายถึงข้อใด ? ก. พระพุทธรูป ข. พระภูมิเจ้าที่ ค. พ่อ แม่ ง. ปู่ ย่าตายาย |
๗. | จะรู้ได้อย่างไรว่า คนที่เราคบเป็นคนดี ? ก. อัธยาศัยดี ข. ขยันทำงาน ค. รู้จักแทนคุณ ง. ขยันเรียน |
๘. | ธรรมข้อใดจัดเป็นเครื่องหมายของคนดี ? ก. กตัญญูกตเวที ข. เมตตากรุณา ค. ประหยัดอดออม ง. ขยันอดทน |
๙. | ไม้เท้าผู้เฒ่าดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู จัดเป็นลูกประเภทใด ? ก. เนรคุณ ข. ตอบแทนคุณ ค. รู้บุญคุณ ง. ทำบุญคุณ |
๑. | ทุจริต ๓ หมายถึงการประพฤติเช่นไร ? ก. ทำชั่ว ข. พูดชั่ว ค. คิดชั่ว ง. ถูกทุกข้อ |
๒. | การประพฤติชั่วทางกาย วาจา ใจ เรียกว่าอะไร ? ก. ทุจริต ข. บาป ค. กรรม ง. มลทิน |
๓. | ข้อใดจัดเป็นกายทุจริต ? ก. พยาบาทปองร้าย ข. ลักทรัพย์ ค. ยุยงให้แตกกัน ง. ให้ร้ายผู้อื่น |
๔. | ข้อใดเป็นโทษของการพูดส่อเสียด ? ก. ให้เจ็บใจ ข. ให้แตกสามัคคี ค. ขาดคนเชื่อถือ ง. ขาดคนรักใคร่ |
๕. | ข้อใดเป็นโทษของการพูดคำหยาบ ? ก. ให้เจ็บใจ ข. ให้แตกสามัคคี ค. ขาดคนเชื่อถือ ง. ขาดคนรักใคร่ |
๖. | คำพูดใดทำลายความสามัคี ? ก. คำปด ข. คำหยาบ ค. คำส่อเสียด ง. คำเพ้อเจ้อ |
๗. | เห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงตรงกับข้อใด ? ก. กายทุจริต ข. วจีทุจริต ค. มโนทุจริต ง. ถูกทุกข้อ |
๘. | ข้อใดจัดเป็นมโนทุจริต ? ก. โหดร้าย ข. พยาบาท ค. ใส่ร้าย ง. ปากร้าย |
๑. | การประพฤติดีทางกาย วาจา ใจ เรียกว่าอะไร ? ก. บุญ ข. ทาน ค. กุศล ง. สุจริต |
๒. | คนจะดีหรือชั่ว เพราะอะไร ? ก. การศึกษา ข. การกระทำ ค. เชื้อชาติ ง. วงศ์ตระกูล |
๓. | การประพฤติสุจริต ตรงกับข้อใด ? ก. ทำดี ข. พูดดี ค. คิดดี ง. ถูกทุกข้อ |
๔. | ข้อใดจัดเป็นวจีสุจริต ? ก. ไม่คอร์รัปชัน ข. ไม่หลอกลวง ค. ไม่พูดคำหยาบ ง. ไม่โลภ |
๕. | วจีสุจริตข้อใดส่งเสริมความปองดอง ? ก. ไม่พูดส่อเสียด ข. ไม่พูดเท็จ ค. ไม่พูดคำหยาบ ง. ไม่พูดเพ้อเจ้อ |
๖. | ข้อใดจัดเป็นผลของวจีสุจริต ? ก. มีคนเชื่อถือ ข. มีคนเห็นใจ ค. มีทรัพย์มาก ง. มีบริวารมาก |
๗. | ข้อใด จัดเป็นมโนสุจริต ? ก. ไม่นินทาว่าร้ายคนอื่น ข. ไม่ประทุษร้ายคนอื่น ค. ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ง. ไม่โลภอยากได้ของเขา |
๘. | เห็นไม่ผิดจากคลองธรรม คือเห็นเช่นไร ? ก. ทำดีได้ดี ข. ทำดีได้ชั่ว ค. ดีชั่วอยู่ที่ผู้อื่น ง. ทำชั่วได้ดี |
๑. | สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ เรียกว่าอะไร ? ก. กุศลมูล ข. ไทยทาน ค. สังคหวัตถุ ง. บุญกิริยาวัตถุ |
๒. | ข้อใดจัดเป็นบุญ ตามความหมายของบุญกิริยาวัตถุ ? ก. ความสุข ข. ความยินดี ค. ความสงบ ง. ความปีติ |
๓. | ผลบุญย่อมติดตามผู้กระทำ เปรียบเหมือนอะไร ? ก. มิตรสหาย ข. เจ้าหนี้ ค. เงา ง. ลูกหนี้ |
๔. | การบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดเข้าในข้อใด ? ก. ทานมัย ข. สีลมัย ค. ภาวนามัย ง. อปจายนมัย |
๕. | ผู้ถูกความตระหนี่ครอบงำควรประพฤติธรรมใด ? ก. บริจาคทาน ข. รักษาศีล ค. เจริญภาวนา ง. สำรวมอินทรีย์ |
๖. | ทำบุญแบบประหยัดฝึกหัดกาย ตรงกับข้อใด ? ก. ทานมัย ข. สีลมัย ค. ภาวนามัย ง. ปัตติทานมัย |
๗. | อยากสวยงามต้องบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุข้อใด ? ก. ให้ทาน ข. รักษาศีล ค. เจริญภาวนา ง. ฟังธรรม |
๘. | การสวดมนต์ จัดเข้าในการทำบุญประเภทใด ? ก. ทานมัย ข. สีลมัย ค. ภาวนามัย ง. อนุโมทนามัย |
๑. | จะเป็นคนเที่ยงธรรมได้ ต้องเว้นจากอะไร ? ก. ทุจริต ๓ ข. อกุศลมูล ๓ ค. กรรมกิเลส ๔ ง. อคติ ๔ |
๒. | จะรักษาความยุติธรรมไว้ได้ ต้องเว้นจากอะไร ? ก. อคติ ข. อบายมุจ ค. อกุศล ง. ทุจริต |
๓. | คำว่า ค่าของคนอยู่ที่คนของใครจัดเข้าในอคติข้อใด ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ |
๔. | ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน ชื่อว่ามีอคติใด ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ |
๕. | ลำเอียงเพราะกลัวหรือเกรงใจ ตรงกับข้อใด ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ |
๖. | ความอยุติธรรมจากความไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงตรงกับข้อใด ?
ก. ฉันทาคติ |
๗. | พ่อแม่ตามใจลูกจนเสียคน สงเคราะห์เข้าในอคติใด ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ |
๑. | ท่านเปรียบธรรมข้อใด ดุจล้อรถนำไปสู่ความเจริญ ? ก. วุฒฑิ ๔ ข. จักร ๔ ค. อิทธิบาท ๔ ง. ปธาน ๔ |
๒. | ปฏิรูปเทส มีลักษณะเช่นไร ? ก. มีพื้นที่กว้างขวาง ข. มีประชากรมาก ค. มีคนดีในสังคมมาก ง. มีความสวยงาม |
๓. | การอยู่ในถิ่นอันสมควร มีลักษณะเช่นใด ? ก. ปฏิรูปเทสวาสะ ข. สัปปุริสูปัสสยะ ค. อัตตสัมมาปณิธิ ง. ปุพเพกตปุญญกตา |
๔. | อัตตสัมมาปณิธิ มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. มีศีลธรรม ข. กินบุญเก่า ค. เฝ้าขอพร ง. แสวงบุญ |
๕. | ปุพเพกตปุญญตา มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. บุญประเพณี ข. บุญเก่า ค. บุญใหม่ ง. แสวงบุญ |
๑. | ความจริงอันประเสริฐ หมายถึงธรรมใด ? ก. ปธาน ๔ ข. อริยสัจ ๔ ค. อิทธิบาท ๔ ง. พรหมวิหาร ๔ |
๒. | เหตุให้เกิดทุกข์ ตรงกับข้อใด ? ก. ทุกข์ ข. สมุทัย ค. นิโรธ ง. มรรค |
๓. | ทุกข์ในอริยสัจ ๔ ้เกิดจากอะไร ? ก. กิเลส ข. กรรม ค. วิบาก ง. ตัณหา |
๔. | หลักของอริยสัจ เมื่อเกิดความทุกข์ ต้องทำอย่างไร ? ก. ควรกำหนดรู้ ข. ควรละ ค. ควรทำให้แจ้ง ง. ควรเจริญ |
๑. | จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน ตรงกับพละใด ? ก. สัทธา ข. วิริยะ ค. สติ ง. สมาธิ |
๒. | เมื่อจิตฟุ้งซ่าน ควรเจริญพลธรรมใด ? ก. วิริยะ ข. สติ ค. สมาธิ ง. ปัญญา |
๓. | ธรรมข้อใดเป็นคู่ปรับกับความเกียจคร้าน ? ก. สัทธา ข. วิริยะ ค. ขันติ ง. สมาธิ |
๔. | ความบากบั่นแกล้วกล้า ตรงกับพละใด ? ก. สิทธา ข. วิริยะ ค. สติ ง. สมาธิ |
๕. | ความรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งทั้งปวง ตรงกับพละใด ? ก. สัทธา ข. วิริยะ ค. สติ ง. ปัญญา |
๖. | อยากมีกำลังใจ ควรเจริญธรรมใด ? ก. อิทธิบาท ๔ ข. วุฑฒิ ๔ ค. พละ ๕ ง. อริยสัจ ๔ |
๑. | สาราณียธรรม สอนให้คนเป็นเช่นไร ? ก. มีความพอเพียง ข. เลี้ยงตนโดยชอบ ค. ไม่ประกอบอกุศล ง. รู้รักสามัคคี |
๒. | ข้อใดมีความหมายตรงกับคำว่า สาราณียธรรม ? ก. อยู่บ้านท่าน อย่านิ่งดูดาย ข. อยู่ให้เขารัก จากให้เขาคิดถึง ค. คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย ง. น้ำขึ้นให้รีบตัก |
๓. | คนที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะควรประพฤติธรรมใด ? ก. โพธิปักขิยธรรม ข. คารวธรรม ค. สาราณียธรรม ง. สัปปุริสธรรม |
๔. | ข้อใดชื่อว่ารักษาศีลเสมอกัน ? ก. มีอะไรก็แบ่งกัน ข. มีอะไรก็ช่วยกัน ค. ว่าอะไรก็ว่าตามกัน ง. รักษาระเบียบร่วมกัน |
๕. | สาราณียธรรม คือธรรมเช่นไร ? ก. ธรรมที่เป็นแก่นสาร ข. ธรรมของผู้ทรงศีล ค. ธรรมเป็นเหตุบริจาค ง. ธรรมเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน |
๖. | สาราณโภคี มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. มีเมตตา ข. มีศีลเสมอกัน ค. เห็นตรงกัน ง. รู้จักแบ่งปัน |
๗. | สาราณียธรรมใด ป้องกันความเห็นต่างในสังคม ? ก. เมตตาวจีกรรม ข. สาราณโภคี ค. สีลสามัญญตา ง. ทิฏฐสามัญญตา |
๘. | ตู้ปันสุขบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย จัดเข้าสาราณิยธรรมข้อใด ? ก. เมตตาวจีกรรม ข. สาธารณโภคี ค. สีลสามัญญตา ง. ทิฏฐิสามัญญตา |
๙. | ทิฏฐสามัญญตา มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. มีเมตตา ข. มีศีลเสมอกัน ค. เห็นตรงกัน ง. รู้จักแบ่งปัน |
๑. | ผู้วางตนตามฐานะ จัดเข้าในสัปปุริสธรรมข้อใด ? ก. ธัมมัญญุตา ข. อัตถัญญุตา ค. อัตตัญญุตา ง. มัตตัญญุตา |
๒. | คนที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ตรงกับข้อธรรมข้อใด ? ก. ธัมมัญญุตา ข. อัตถัญญุตา ค. มัตตัญญุตา ง. อัตตัญญุตา |
๓. | คบคนพาลพาลพาไปหาผิด ขาดสัปปุริสธรรมข้อใด ? ก. มัตตัญญุตา ข. กาลัญญุตา ค. ปริสัญญุตา ง. ปุคคลปโรปรัญญุตา |
๔. | เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ตรงกับข้อใด ? ก. อัตตัญญุตา ข. กาลัญญุตา ค. ปริสัญญุตา ง. มัตตัญญุตา |
๕. | ช้าๆ ได้พล่ามเล่มงาม ใช้ได้กับสัปปุริสธรรมข้อใด ? ก. รู้จักเหตุ ข. รู้จักผล ค. รู้จักตน ง. รู้จักกาล |
๖. | สัปปุริสธรรมข้อใด มีความหมายตรงกับเศรษฐกิจพอเพียง ? ก. รู้จักประมาณ ข. รู้จักกาล ค. รู้จักตน ง. รู้จักชุมชน |
๗. | คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ จัดเข้าในสัปปุริสธรรมข้อใด ? ก. รู้จักเหตุ ข. รู้จักผล ค. รู้จักบุคคล ง. รู้จักประมาณ |
๑. | โลกธรรม หมายถึงธรรมข้อใด ? ก. ธรรมรักษาโรค ข. ธรรมเหนือโลก ค. ธรรมที่อยู่เพื่อโลก ง. ธรรมที่สร้างโลก |
๒. | โลกธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ควรทำอย่างไร ? ก. ไม่ยินดียินร้าย ข. ไม่หลงระเริง ค. ไม่มัวเมา ง. ไม่เพลิดเพลิน |
๓. | เมื่อถูกนินทา ควรปฏิบัติอย่างไร ? ก. ควรโต้ตอบ ข. ไม่ต้องทำอะไร ค. แก้ข่าว ง. ไม่ยินดียินร้าย |
๔. | โลกธรรมข้อใด จัดเป็นอนิฏฐารมณ์ ? ก. มีลาภ ข. มียศ ค. มีสุข ง. มีทุกข์ |
๕. | โลกธรรมข้อใด จัดเป็นอิฏฐารมณ์ ? ก. สุข ข. ทุกข์ ค. นินทา ง. เสื่อมลาภ |
๑. | สังคหวัตถุ ทำให้เกิดประโยชน์อะไร ? ก. ความสำเร็จ ข. ความเจริญ ค. ความสามัคคี ง. ความงาม |
๒. | เขาเป็นคนดีคงเส้นคงวา แสดงถึงคุณธรรมข้อใด ? ก. ทาน ข. ปิยวาจา ค. อัตถจริยา ง. สมานัตตตา |
๓. | สังคมได้ประโยชน์อะไร จากการประพฤติสังคหวัตถุธรรม ? ก. ความสำเร็จ ข. ความจริญ ค. ความสามัคคี ง. ความสุข |
๔. | โครงการจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ จัดเข้าในสังคหวัตถุใด ? ก. ทาน ข. ปิยวาจา ค. อัตถจริยา ง. สมานัตตตา |
๑. | ในทิศ ๖ ศิษย์พึงปฏิบัติต่ออาจารย์อย่างไร ? ก. ดำรงวงศ์สกุล ข. เลี้ยงท่านตอบ ค. เชื่อฟังคำสอน ง. ไม่ดูหมิ่น |
๒. | ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดีเป็นหน้าที่ของใคร ? ก. มารดา-บิดา ข. ครู-อาจารย์ ค. ภรรยา-สามี ง. บุตร-ธิดา |
๓. | ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ข้อใด ? ก. ครูอาจารย์ ข. มารดาบิดา ค. บุตรภรรยา ง. มิตรสหาย |
๔. | ยกย่องเชิดชูครู ไม่เจ้าชู้นอกใจ เป็นหน้าที่ของใคร ? ก. สามี ข. ภรรยา ค. นาย ง. ครูอาจารย์ |
๕. | ตื่นก่อน นอนทีหลัง เป็นหน้าที่ใครปฏิบัติต่อใคร ? ก. ลูก-พ่อแม่ ข. ภรรยา-สามี ค. ศิษย์-ครู ง. นาย-บ่าว |
๖. | อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน หมายถึงบุคคลในข้อใด ? ก. บิดามารดา ข. ครูอาจารย์ ค. สมณพราหมณ์ ง. มิตรสหาย |
๗. | ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา หมายถึงบุคคลในข้อใด ? ก. บิดามารดา ข. มิตรสหาย ค. สมณพราหมณ์ ง. ครูอาจารย์ |
๘. | ยกย่องเชิดชู ไม่เจ้าชู้นอกใจ ใครปฏิบัติต่อใคร ? ก. สามี-ภรรยา ข. บิดามารดา-บุตร ค. นาย-บ่าว ค. อาจารย์-ศิษย์ |