เก็งข้อสอบนักธรรมชั้นตรี วิชาวินัยบัญญัติ ปี 2567
ติวเข้มเตรียมสอบธรรมสนามหลวง นักธรรมชั้นตรี วิชาวินัยบัญญัติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ มีทั้งหมด ๒๖ ข้อดังนี้ครับ |
---|
๑. | ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตเรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
---|---|
ต/ |
ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต เรียกว่า นิสสัย ฯ มี ๔ อย่าง ฯ ๑) เที่ยวบิณฑบาต ๒) นุ่งห่มผ้าบังสุกุล ๓) อยู่โคนต้นไม้ ๔) ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ฯ |
๒. | กิจที่บรรพชิตไม่ควรทํา เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
ต/ | กิจที่บรรพชิตไม่ควรทำ เรียกว่า อกรณียกิจ ฯ มี ๔ อย่าง ฯ คือ ๑. เสพเมถุน ๒. ลักของเขา ๓. ฆ่าสัตว์ ๔. พูดอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน ฯ |
๓. | ภิกษุปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญาดีแล้ว จะได้รับประโยชน์อย่างไร ? |
ต/ |
ย่อมได้รับประโยชน์ คือ ปฏิบัติศีล ทำให้เป็นผู้มีกายวาจาเรียบร้อย ปฏิบัติสมาธิ ทำให้ใจสงบมั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน ปฏิบัติปัญญา ทำให้รอบรู้ในกองสังขาร ฯ |
๔. | พุทธบัญญัติและอภิสมาจาร คืออะไร ? ทั้ง ๒ รวมเรียกว่าอะไร ? |
ต/ |
พุทธบัญญัติ คือข้อห้ามที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งขึ้นเพื่อป้องกันความประพฤติเสียหายและวางโทษแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดด้วยปรับอาบัติหนักบ้าง เบาบ้าง อภิสมาจาร คือขนบธรรมเนียมที่ทรงแต่งตั้งขึ้นเพื่อชักนำความประพฤติของภิกษุสงฆ์ให้ดีงาม ฯ ทั้ง ๒ รวมเรียกว่า พระวินัย ฯ |
๕. | อาบัติคืออะไร ? มีโทษอย่างไรบ้าง ? |
ต/ |
อาบัติ คือโทษที่เกิดเพราะความละเมิดในข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ฯ มีโทษ คือ อย่างหนัก ทําให้ขาดจากความเป็นภิกษุ อย่างกลาง ทําให้ต้องอยู่กรรม คือประพฤติวัตรอย่างหนึ่งเพื่อทรมานตน อย่างเบา ทําให้ต้องแสดงต่อหน้าภิกษุด้วยกัน ฯ |
๖. | อาบัติว่าโดยชื่อมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
ต/ |
อาบัติว่าโดยชื่อมี ๗ อย่าง ฯ คือ ๑) ปาราชิก ๒) สังฆาทิเสส ๓) ถุลลัจจัย ๔) ปาจิตตีย์ ๕) ปาฏิเทสนียะ ๖) ทุกกฏ ๗) ทุพภาสิต ฯ |
๗. | สิกขาบทที่มาในพระปาติโมกข์มีเท่าไร ? สิกขาบทว่าด้วยปาราชิกมีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
มี ๒๒๗ สิกขาบท ฯ สิกขาบทว่าด้วยปาราชิก มี ๔ ข้อ ได้แก่ ๑) เสพเมถุน ๒) ภิกษุถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ได้ราคา ๕ มาสก ๓) ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตาย ๔) ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรม คือธรรมอันยิ่งของมนุษย์ที่ไม่มีในตน ฯ |
๘. | สิกขา คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ? |
ต/ |
สิกขา คือ ข้อที่ภิกษุต้องศึกษา ฯ มี ๑. ศีล ความรักษากายวาจาให้เรียบร้อย ๒. สมาธิ ความรักษาใจมั่น ๓. ปัญญา ความรอบรู้ในกองสังขาร ฯ |
๙. | ภิกษุฆ่ามนุษย์ ฆ่าสัตว์เดียรัจฉาน ต้องอาบัติอะไร ? |
ต/ |
ฆ่ามนุษย์ ต้องอาบัติปาราชิก ฆ่าสัตว์เดียรัจฉาน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
๑๐. | พูดอย่างไรเรียกว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ? |
ต/ | พูดอวดคุณพิเศษอันยิ่งของมนุษย์ เช่น พูดว่าได้ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล นิพพาน เรียกว่า พูดอวดอุตตริมนุสสธรรม ฯ |
๑๑. | ในอทินนาทานสิกขาบท กำหนดราคาทรัพย์ เป็นวัตถุแห่งอาบัติไว้อย่างไรบ้าง ? |
ต/ |
ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป เป็นวตัถุแห่งอาบัติปาราชิก ทรัพย์มีราคาต่ำกว่า ๕ มาสก แต่สูงกว่า ๑ มาสก เป็นวัตถุแห่งอาบัติถุลลัจจัย ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๑ มาสกลงไป เป็นวตัถุแห่งอาบัติทุกกฎ ฯ |
๑๒. | ภิกษุมีความกำหนัด จับต้องกายมนุษย์ต้องอาบัติอะไร ? |
ต/ |
จับต้องกายมนุษย์ที่เป็นหญิง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส จับต้องกายมนุษย์ที่เป็นบัณเฑาะก์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย จับต้องกายมนุษย์ที่เป็นชาย ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ |
๑๓. | คำว่า “ภิกษุประทุษร้ายตระกูล” ในสิกขาบทที่ ๑๓ แห่งสังฆาทิเสส หมายถึงการทำ อย่างไร? |
ต/ | หมายถึง การที่ภิกษุประจบคฤหัสถ์ ยอมตนให้เขาใช้สอย เช่น เดินส่งข่าวให้เขา เป็นต้น หรือด้วยการเอา เปรียบโดยเชิงให้สิ่งเล็กน้อยด้วยหวังได้มาก ฯ |
๑๔. | คำว่า อาบัติที่ไม่มีมูล กำหนดโดยอาการอย่างไร ? ภิกษุโจทก์ภิกษุด้วยอาบัติไม่มีมูล ต้องอาบัติอะไร ? |
ต/ |
คำว่า อาบัติที่ไม่มีมูล กำหนดโดยอาการ ๓ คือ ๑) ไม่ได้เห็นเอง ๒) ไม่ได้ยินเอง ๓) ไม่ได้เกิดรังเกียจสงสัยว่าภิกษุนั้นต้องอาบัติชื่อนั้น ฯ โจทก์ด้วยอาบัติปาราชิก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ฯ โจทก์ด้วยอาบัติอื่น นอกจากอาบัติปาราชิก ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
๑๕. | จีวร ผ้านิสีทนะ อังสะ ผ้าเช็ดหน้า ย่ามผ้า เมื่อจะใช้สอย อย่างไหนควรพินทุ อย่างไหนไม่ควร ? เพราะเหตุใด ? |
ต/ |
จีวรและอังสะ ควรพินทุ เพราะใช้ห่ม ผ้านิสีทนะ ผ้าเช็ดหน้า และย่ามผ้า ไม่ต้องพินทุ เพราะไม่ได้ใช้นุ่งห่ม ฯ |
๑๖. | ผ้าไตรจีวร ที่ทรงอนุญาตให้ภิกษุอธิษฐานไว้ใช้มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
ต/ |
ผ้าไตรจีวร ที่ทรงอนุญาตให้ภิกษุอธิษฐานไว้ใช้มี ๓ อย่าง ฯ ๑) สังฆาฏิ (ผ้าคลุม) ๒) อุตตราสงค์ (ผ้าห่ม) ๓) อันตรวาสก (ผ้านุ่ง) ฯ |
๑๗. | เภสัช ๕ ได้แก่อะไรบ้าง ? น้ำตาลทรายจัดเข้าในเภสัชประเภทใด ? |
ต/ | เภสัช ๕ ได้แก่ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ฯ น้ำตาลทรายจัดเข้าในน้ำอ้อย ฯ |
๑๘. | ภิกษุนำเก้าอี้ของสงฆ์ไปใช้ที่กลางแจ้งแล้วเมื่อจะหลีกไปพึงปฏิบัติอย่างไร ? ถ้าไม่ปฏิบัติเช่นนั้น ต้องอาบัติอะไร ? |
ต/ |
พึงปฏิบัติอย่างนี้ คือ เก็บเอง ใช้ให้ผู้อื่นเก็บ หรือมอบหมายแก่ผู้อื่น ฯ ถ้าไม่ปฏิบัติเช่นนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ |
๑๙. | ภิกษุซ่อนผ้าอาบน้ำฝน บาตร จีวร กล่องเข็ม ด้าย ของเพื่อนภิกษุหรือสามเณรเพื่อล้อเล่น เป็นอาบัติอะไรบ้าง ? |
ต/ |
ซ่อนผ้าอาบน้ำฝน ด้าย เป็นอาบัติทุกกฏ ซ่อนบาตร จีวร กล่องเข็ม เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ซ่อนของสามเณรทุกอย่าง เป็นอาบัติทุกกฏ ฯ |
๒๐. | ภิกษุเข้าบ้านในเวลาวิกาล โดยไม่บอกลาภิกษุอื่นที่มีอยู่ในวัดต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ? |
ต/ | ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่มีกิจรีบด่วน ฯ |
๒๑. | วัตรที่ภิกษุสามเณรจะต้องศึกษาเรียกว่าอะไร ? มีทั้งหมดกี่ข้อ ? |
ต/ |
วัตรที่ภิกษุสามเณรจะต้องศึกษาเรียกว่า เสขิยวัตร ฯ มีทั้งหมด ๗๕ ข้อ ฯ |
๒๒. | เสขิยวัตร คืออะไร ? ภิกษุไม่ปฏิบัติตามต้องอาบัติอะไร ? |
ต/ |
เสขิยวัตร คือ ธรรมเนียมที่ภิกษุต้องศึกษา ฯ ภิกษุไม่ปฏิบัติตาม ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ |
๒๓. | ในการรับบิณฑบาต ภิกษุสามเณรพึงปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้องตามเสขิยวัตร ? |
ต/ |
พึงปฏิบัติอย่างนี้ คือ ๑. รับโดยเคารพ ๒. แลดูแต่ในบาตร ๓. รับแกงพอสมควรแก่ข้าวสุก ๔. รับแต่พอเสมอขอบปากบาตร ฯ |
๒๔. | ภิกษุฉันพลางทำกิจอื่นพลาง จะต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ? |
ต/ |
พูดทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก ต้องอาบัติทุกกฏ พูดไม่มีอาหารอยู่ในปาก ไม่ต้องอาบัติ ฯ |
๒๕. | ภิกษุเถียงกันด้วยเรื่องอะไร จึงเรียกว่า วิวาทาธิกรณ์ ? |
ต/ | เถียงกันด้วยเรื่อง สิ่งนั้นเป็นธรรมเป็นวินัย สิ่งนี้ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่วินัย ฯ |
๒๖. | อธิกรณ์ คืออะไร ? เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องทำอย่างไร ? |
ต/ |
อธิกรณ์ คือ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจะต้องจัดต้องทำ ฯ เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องระงับด้วยอธิกรณสมถะอย่างใดอย่างหนึ่งตามสมควรแก่อธิกรณ์นั้น ๆ ฯ |